เริ่มสมณสมัย ‘โป๊ปเลโอ’ วอนคริสตจักรสามัคคี พร้อมรักษามรดกศาสนา รับมือความท้าทายโลก
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มต้นสมณสมัยของพระองค์อย่างเป็นทางการในวันที่ 18 พฤษภาคม ด้วยการยื่นพระหัตถ์ให้คาทอลิกสายอนุรักษนิยมที่รู้สึกว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งในยุคของพระสันตะปาปาพระองค์ก่อน โดยทรงเรียกร้องให้เกิดความสามัคคีและความเป็นเอกภาพ พร้อมให้คำมั่นว่าจะปกปักรักษามรดกของพระศาสนจักรคาทอลิก และจะไม่ปกครองแบบผู้นำเผด็จการ
เสียงโห่ร้อง “Viva il Papa” หรือ พระสันตะปาปาทรงพระเจริญ และ “Papa Leone” ซึ่งเป็นพระนามของพระองค์ในภาษีอิตาลี ดังก้องทั่วจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ขณะรถโป๊ปโมบิลที่พระองค์ประทับเป็นครั้งแรกแล่นไปตามเส้นทางรอบจตุรัสท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากที่มารอเฝ้าและร่วมพิธีมิสซาเปิดพันธกิจของพระองค์
ฝูงชนที่มาร่วมงานโบกธงชาติสหรัฐและเปรูเพื่อแสดงความยินดี โดยประชาชนจากทั้งสองประเทศต่างอ้างว่า พระองค์คือพระสันตะปาปาองค์แรกจากประเทศของตน
พระสันตะปาปาเลโอทรงเทศนาเป็นภาษาอิตาลีอย่างคล่องแคล่ว พระองค์ทรงประกาศว่า ในฐานะผู้นำของชาวคาทอลิกกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก พระองค์จะไม่ย่อท้อต่อความท้าทายของยุคสมัยใหม่ และอย่างน้อยในประเด็นทางสังคม เช่น การต่อสู้กับความยากจนและการปกป้องสิ่งแวดล้อม พระองค์จะทรงสานต่อเจตนารมณ์ของพระสันตะปาปาฟรานซิส
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอตรัสว่า คาร์ดินัลที่เลือกพระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งนี้ ได้เลือกบุคคลที่สามารถรักษามรดกอันล้ำค่าของศาสนาคริสต์ และในขณะเดียวกันก็มองไปสู่อนาคต เพื่อเผชิญหน้ากับคำถาม ความกังวล และความท้าทายของโลกในปัจจุบัน
ในสมณสมัยของพระสันตะปาปาฟรานซิสทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ชาวคาทอลิก โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษนิยมที่วิจารณ์ว่าพระองค์สร้างความสับสน โดยเฉพาะกับการแสดงความเห็นในประเด็นศีลธรรมทางเพศ เช่น การสมรสของคู่รักเพศเดียวกัน
พระสันตะปาปาเลโอตรัสว่า พระองค์กำลังปฏิบัติภารกิจด้วยความหวาดกลัวและตัวสั่น พร้อมตรัสคำว่า “ความสามัคคี” หรือ “เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ถึง 7 ครั้ง และคำว่า “ความกลมเกลียว” อีก 4 ครั้ง
“ไม่ใช่เรื่องของการชนะผู้อื่นด้วยกำลัง ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อทางศาสนา หรือด้วยอำนาจ แต่เป็นเรื่องของการรักเสมอ เช่นเดียวกับที่พระเยซูทรงทำ” พระองค์ตรัส ซึ่งดูเหมือนจะสื่อถึงการปะทะกันทางความคิดระหว่างชาวคาทอลิกฝ่ายอนุรักษนิยมและเสรีนิยม
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอตรัสว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาให้ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ประการแรกของเราคือ การมีศาสนจักรที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสัญลักษณ์ของความเอกภาพและการมีส่วนร่วม ซึ่งจะกลายเป็นพลังแห่งการปรองดองให้แก่โลกใบนี้”
กลุ่มอนุรักษนิยมยังวิพากษ์วิจารณ์ว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสปกครองโดยใช้อำนาจมากเกินไป มักตัดสินใจด้วยพระองค์เองโดยไม่ปรึกษาหารืออย่างกว้างขวาง และละเลยความกังวลของพวกเขา
สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอทรงอ้างถึงนักบุญเปโตร อัครสาวกคริสเตียนในศตวรรษที่ 1 ซึ่งพระสันตะปาปาทุกพระองค์ถือว่าได้รับสืบทอดอำนาจต่อจากนักบุญเปโตร โดยตรัสว่า “เปโตรต้องเป็นผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ โดยไม่ยอมจำนนต่อสิ่งยั่วยวนให้เป็นเผด็จการ หรือใช้อำนาจเหนือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล ตรงกันข้าม เขาถูกเรียกให้รับใช้ศรัทธาของพี่น้อง และเดินเคียงข้างพวกเขา”
