คอลัมน์ไฮไลต์โลก : หวั่นตำราประวัติศาสตร์ใหม่ เปิดช่องฟอกขาวผู้นำอิเหนา

ภาพรอยเตอร์

คอลัมน์ไฮไลต์โลก: หวั่นตำราประวัติศาสตร์ใหม่ เปิดช่องฟอกขาวผู้นำอิเหนา

การเตรียมจัดทำชุดตำราประวัติศาสตร์ชาติใหม่ของอินโดนีเซียที่จะมีทั้งหมด 10 เล่ม ตกอยู่ในความสนใจของสังคม หลังจากมีนักประวัติศาสตร์ออกมาแสดงความกังวลว่าบางช่วงบางตอนของช่วงเวลาอันมืดมนในประวัติศาสตร์ของประเทศ อาจถูกตัดทอนหรือถูกบิดเบือนไป จนกลายเป็นการฟอกขาวให้ ปราโบโว ซูเบียนโต ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และ ซูฮาร์โต อดีตผู้นำเผด็จการอินโดนีเซียผู้ล่วงลับซึ่งเคยเป็นพ่อตาของเขาที่ถูกพลังมวลชนบีบให้ลงจากอำนาจ ให้มีภาพจำที่ดูดีขึ้นในสายตาประชาชนได้

แม้ ฟัดลี ซอน รัฐมนตรีวัฒนธรรมของอินโดนีเซียจะระบุว่า หนังสือประวัติศาสตร์ชาติชุดใหม่ที่จัดทำขึ้นนี้จะเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในมุมมองที่เน้นความเป็นอินโดนีเซียและมีเป้าหมายเพื่อนำเสนออัตลักษณ์ความเป็นชาติในรูปแบบใหม่ โดยเน้นเล่าประวัติศาสตร์มนุษยชาติในอินโดนีเซียตั้งแต่ยุคโฮโมอีเร็กตัส การล่าอาณานิคมของดัตช์ ไปจนถึงการเลือกตั้งที่ปราโบโวเป็นผู้คว้าชัย โดยมีนักประวัติศาสตร์ราว 100 คน เป็นผู้เขียนและเรียบเรียงเหตุการณ์ให้ถูกต้อง และตั้งเป้าจัดทำให้เสร็จทันวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันประกาศเอกราชของอินโดนีเซีย

ทว่านักวิเคราะห์และนักประวัติศาสตร์บางคนมองว่าการชำระประวัติศาสตร์ใหม่เช่นนี้ อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะจะเปิดโอกาสให้มีการเขียนประวัติศาสตร์ใหม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อนุชนรุ่นหลังในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพลังหลักที่ทำให้ปราโบโวชนะเลือกตั้งในปีที่แล้วอย่างถล่มทลาย ไม่ได้มีความทรงจำหรือประสบการณ์ตรงในยุค “ระเบียบใหม่” ในยุคปกครองของซูฮาร์โตช่วงปี 1966-1998 ที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์พวกพ้อง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง

ขณะที่ ปราโบโว ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษและเป็นลูกเขยของซูฮาร์โต ก็ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกรณีการอุ้มหายนักศึกษาที่่เป็นนักเคลื่อนไหวในช่วงเกิดเหตุจลาจลช่วงปี 1998 ที่เจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธ

ADVERTISMENT

อัสวี วาร์มัน อดัม นักประวัติศาสตร์ชั้นนำที่เคยทำงานที่สำนักวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวว่า เขากำลังเรียกร้องให้นักวิชาการช่วยกันล็อบบี้สมาชิกสภานิติบัญญัติให้ตรวจสอบตำราประวัติศาสตร์ชุดใหม่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยเขาเชื่อว่าอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวน ในการทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้รับความชอบธรรมด้วยการละเว้นที่จะเอ่ยถึงเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงในปี 1998 ที่ปราโบโวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง อีกทั้งเขายังคาดหมายว่ารัฐบาลจะผลักดันให้ ซูฮาร์โต ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษของชาติในเร็วๆ นี้ด้วย

ขณะที่ มาเด สุปรียัตมา นักวิจัยจากสถาบัน ISEAS–Yusof Ishak เชื่อว่ารัฐบาลปราโบโวอาจใช้กลวิธีเดียวกับ ซูฮาร์โต ที่เคยออก “หนังสือประวัติศาสตร์ชาติแห่งอินโดนีเซีย” จำนวน 6 เล่มในปี 1975 ซึ่งเนื้อหาเต็มไปด้วยการยกย่องกองทัพและข้อมูลที่บิดเบือน ส่วน มาร์ซูกี ดารุสมาน นักสิทธิมนุษยชนที่ร่วมแสดงจุดยืนคัดค้านตำราประวัติศาสตร์ชุดใหม่มองว่า โปรเจ็กต์นี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือล้างบาปให้ผู้ปกครองปัจจุบันหรือยุคระเบียบใหม่ของซูฮาร์โต

ต่อข้อกังวลเหล่านี้รัฐมนตรีวัฒนธรรมอินโดนีเซียยืนยันว่าประวัติศาสตร์จะได้รับการเขียนอย่างถูกต้อง โดยทั้งเขาและปราโบโวจะไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการชำระประวัติศาสตร์ใหม่แต่อย่างใด

ก็ต้องรอดูว่าจะสยบกระแสคัดค้านในสังคมได้หรือไม่