เมื่อวันพฤหัสบดี (6 เม.ย.) สำนักข่าวบีบีซีเผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษ นางออง ซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลพม่า ที่กล่าวปฏิเสธว่าไม่มีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮีนจาเกิดขึ้น แม้จะมีรายงานออกมาอย่างแพร่หลายว่ามีการข่มเหงรังแกชาวโรฮีนจาในพม่าก็ตาม
แม้นางซูจีจะยอมรับว่ามีหลายปัญหาเกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา แต่นางซูจีชี้ว่า การใช้คำว่ากวาดล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาเป็นคำที่ “แรงเกินไป”
“ฉันไม่คิดว่ามีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์อยู่ การใช้คำว่ากวาดล้างเผ่าพันธุ์ แรงเกินไปที่จะใช้แสดงถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น” ซูจีบอกกับนายเฟอร์กัล คีน ผู้สื่อข่าวพิเศษบีบีซี และว่า คิดว่ามีความเกลียดชังมุ่งร้ายกันเกิดขึ้นที่นั่น ที่ยังมีมุสลิมฆ่ามุสลิมด้วยกันเอง นี่ไม่ใช่เรื่องการกวาดล้างเผ่าพันธุ์อย่างที่พวกคุณใช้ แต่เป็นเรื่องของคนที่อยู่ตรงข้ามกันจากการแบ่งแยกที่เกิดขึ้น ซึ่งเรากำลังพยายามที่จะขจัดการแบ่งแยกแตกต่างนี้
ที่ผ่านมานางซูจีถูกมองว่านิ่งเงียบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮีนจาจนกระทบต่อภาพพจน์ชื่อเสียงของนางซูจีเองในฐานะการนำการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ทว่าในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ซูจีบอกว่าเธอได้ตอบคำถามในเรื่องนี้ไปแล้วนับแต่เกิดปัญหารุนแรงขึ้นในรัฐยะไข่ในปี 2013 แต่ผู้คนกลับบอกว่าเธอไม่ได้พูดอะไร เพียงเพราะว่าเธอไม่ได้พูดในสิ่งที่ผู้คนเหล่านั้นต้องการ โดยสิ่งที่คนเหล่านั้นต้องการให้เธอทำคือการประณามกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ซูจีกล่าวอีกว่า เธอไม่รู้ว่าทำไมจึงเกิดเหตุโจมตีในรัฐยะไข่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่คิดว่าอาจเป็นความพยายามที่จะทำลายการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลพม่ากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบชนกลุ่มน้อยนางซูจียังปฏิเสธว่ากองทัพไม่ได้มีอิสระที่จะข่มขืน ปล้นทรัพย์และทรมานใครได้ แต่ทหารมีอิสระที่จะโจมตีต่อสู้ ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนด้านการทหารถืองานของกองทัพ
นอกจากนี้ นางซูจียังกล่าวปกป้องผลงานของรัฐบาล หลังจากก้าวขึ้นมาบริหารประเทศเมื่อ 1 ปีก่อน โดยชี้ว่ารัฐบาลมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างงานในประเทศเป็นสำคัญ รวมถึงการทำให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้น การจัดการเลือกตั้งที่เป็นอิสระและการสร้างสันติภาพในประเทศ
ต่อประเด็นการต้องอพยพหนีภัยความรุนแรงออกจากประเทศไปของชาวโรฮีนจา นางซูจีกล่าวว่ายินดีต้อนรับชาวโรฮีนจากลับประเทศ พร้อมให้หลักประกันว่า หากกลับมา พวกเขาจะปลอดภัย
