มาริษแถลงผลประชุมทูต-กสญ. รีแบรนดิ้งไทย รับมือโลกผันผวน หวังเป็นมิตรที่ทุกชาติขาดไม่ได้ 

มาริษแถลงผลประชุมทูต-กสญ. รีแบรนดิ้งไทย รับมือโลกผันผวน หวังเป็นมิตรที่ทุกชาติขาดไม่ได้ 

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่โรมแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจําปี 2568 ว่า การประชุมครั้งนี้มีผู้ร่วมการประชุม 100 คน จาก 98 สำนักงานของไทย และสมาชิกทีมประเทศไทยที่ประจำการในต่างประเทศที่ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ด้วย และในช่วงเย็นวันนี้ (13 มิ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้นำคณะเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อรับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสในการเจริญสัมพันธไมตรีกับมิตรประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

นายมาริษกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมและมีความสำคัญ เพราะบริบทด้านการต่างประเทศกำลังอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนที่มีนัยสำคัญทั้งเชิงโครงสร้างและระเบียบของโลก มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความไม่แน่นอนตลอดเวลา รวมถึงมีการแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ มีผลกระทบกับความมั่นคงและเศรษฐกิจของประเทศ ไทยจึงจำเป็นต้องปรับหลายเรื่อง ทำให้การประชุมดังกล่าวมีเป้าหมายที่ให้คณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ร่วมกันระดมสมอง แลกเปลี่ยนมุมมอง และประสานความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ จากนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส่วนราชการ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนนโยบายด้านการต่างประเทศให้สอดรับกับทุกมิติทั้งด้านการพัฒนาประเทศ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม

นายมาริษกล่าวว่า การปรับกระบวนทรรศน์ของนโยบายการต่างประเทศจะต้องสอดคล้องและเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างและระเบียบของโลก ทั้งนี้เราปรับการวางตำแหน่งของไทยโดยใช้ยุทธศาสตร์ลดและกระจายความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ รักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ และแสวงหามิตร  อีกทั้งเราจะรีแบรนดิ้งประเทศไทย สร้างภาพจำใหม่ของไทยในบริบทโลก โดยเสริมสร้างอัตลักษณ์และจุดยืนที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ เน้นการสร้างคุณค่าเชิงยุทธศาสตร์ เป็นสิ่งต้องนำไปปฏิบัติได้ รวมถึงต้องเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศและอุตสาหกรรม เพื่อให้ประชาชนจับต้องและเห็นเป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้เพื่อผลักดันให้ไทยมีความสำคัญมากขึ้น และจะต้องเป็นมิตรที่ทุกประเทศขาดไม่ได้ นอกจากนี้ เรายังเดินหน้าการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค การกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน  เสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนและอีกหลายกลุ่มประเทศที่เราเป็นสมาชิก รวมทั้งไทยจะเร่งรัดการเจรจาการค้าและการลงทุน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวอีกว่า เราจะทำการปรับกระบวนยุทธที่เกี่ยวข้องกับการบูรณาการทีมประเทศไทย โดยเน้นการทำให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าไปด้วยกันอย่างมีเอกภาพและไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมประเทศไทย รวมถึงสร้างพลังการขับเคลื่อนร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน อีกทั้งที่ประชุมยังร่วมกันระดมสมองเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการดูแลและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ หลังจากนี้ คณะเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจะร่วมกันขับเคลื่อนผลประชุมและนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้นโยบายการต่างประเทศเป็นเครื่องมือเชิงรุกที่ตอบสนองประโยชน์ต่อประชาชน และเป็นการทูตเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ADVERTISMENT