โลกกังวลสหรัฐโจมตีอิหร่าน ‘กุแตเรช’ หวั่นความขัดแย้งลุกลาม
จากกรณีที่สหรัฐโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ที่สำคัญของอิหร่าน 3 แห่ง ได้แก่ ฟอร์โดว์ นาทานซ์และเอสฟาฮาน เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ผู้นำโลกได้มีท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์ การตัดสินใจที่เด็ดขาดในการโจมตีแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยความเกรงขามและชอบธรรมจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ จะมีการจารึกไว้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ดำเนินการเพื่อไม่ให้ระบอบการปกครองที่อันตรายที่สุดในโลกครอบครองอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลก”
ด้าน นายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาติ กล่าวว่า รู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อการโจมตีของสหรัฐในอิหร่านวันนี้ นี่คือการยกระดับของความรุนแรงในภูมิภาคที่ใกล้ปากเหวอยู่แล้ว และเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เกิดความเสี่ยงที่ความขัดแย้งจะลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพลเรือน ภูมิภาคและโลก ขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศลดความตึงเครียด และยึดมั่นในพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงความโกลาหล วิธีทางทางทหารไม่ใช่ทางออก หนทางเดียวในการเดินหน้าต่อไปคือการทูต สันติภาพคือความหวังเพียงอย่างเดียว
นายวินสตัน ปีเตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศนิวซีแลนด์ แถลงว่า นิวซีแลนด์ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐได้โจมตีแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน การดำเนินการทางทหารในตะวันออกกลางนั้นน่ากังวลเป็นอย่างมาก และการหลีกเลี่ยงไม่ให้ความรุนแรงนั้นยกระดับเป็นเรื่องที่สำคัญ นิวซีแลนด์ขอสนับสนุนแนวทางทางการทูต ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกัน การทูตจะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนมากกว่ากำลังทหาร
ขณะที่ โฆษกรัฐบาลออสเตรเลีย ระบุว่า ออสเตรเลียชัดเจนมาโดยเสมอว่าโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่านเป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ถึงเวลาแล้วสำหรับสันติภาพ สถานการณ์ความมั่นคงในตะวันออกกลางผันผวนเป็นอย่างมาก เราขอเรียกร้องให้เกิดการลดความตึงเครียด การพูดคุยและการทูต
ด้าน รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศขอเรียกร้องให้เกิดการพูดคุยอย่างเร่งด่วนระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งในตะวันออกกลาง เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตามรัฐธรรมนูญของเราในด้านนโยบายต่างประเทศ และด้วยความยึดมั่นในแนวทางสันติของประเทศ ขอเรียกร้องให้มีการลดความตึงเครียดในภูมิภาค โดยการฟื้นฟูเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างรัฐต่างๆ ในภูมิภาคถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
อีวาน กิล รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเวเนซุเอลา ระบุว่า เวเนซุเอลาประณามการโจมตีทางทหารของสหรัฐต่ออิหร่านและขอให้เกิดการยุติความขัดแย้งในทันที เวเนซุเอลาประณามต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ดำเนินการโดยกองทัพสหรัฐ ตามคำร้องขอจากอิสราเอล ในการจัดการกับแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งรวมถึงฟอร์โดว์ นาทานซ์ และเอสฟาฮาน
ด้าน มิเกล ดิอาซ-กาเนล ประธานาธิบดีคิวบา กล่าวว่า ขอประณามการทิ้งระเบิดของสหรัฐที่แหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การโจมตีนี้เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ ตลอดจนกฎหมายระหว่างประเทศ และนำพามนุษยชาติสู่วิกฤตที่ผลกระทบไม่สามารถย้อนคืนมาได้