สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ได้เผยแพร่รายงานระบุว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มโบโกฮารามได้นำเด็กไปก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก และเด็กส่วนใหญ่ที่ถูกนำไปก่อเหตุจะเป็นเด็กผู้หญิง โดยเด็กเหล่านี้จะถูกนำไปก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายตามตลาด มัสยิด และค่ายที่พักของผู้คนที่ไร้ที่อยู่อาศัย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไนจีเรีย และบริเวณทะเลสาบชาด ซึ่งเป็นรอต่อระหว่าง 4 ประเทศในแอฟริกา ได้แก่ ชาด ไนเจอร์ ไนจีเรีย และแคเมอรูน
รายงานของยูนิเซฟระบุว่าเพียงแค่ 3 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มโบโกฮารามใช้เด็กก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็น 27 คนเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 9 คน โดยนับตั้งแต่ปี 2557 มีเด็ก 117 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิงถูกกลุ่มติดอาวุธมุสลิมนำตัวไปก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณพื้นที่ทะเลสาบชาดรวมทั้งสิ้น 117 คน โดยปี 2557 มีเด็กก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 4 คน , 2558 มี 56 คน , 2559 มี 30 คน และเพียงแค่ 3 เดือนแรกของปี 2560 มีเด็กก่อเหตุแล้ว 27 คน
