คอลัมน์ Think Tank: ความตกลงปารีส โจทย์ที่สหรัฐคิดไม่ตก

(FILES) / AFP PHOTO / LIONEL BONAVENTURE

แนวคิดที่ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อนของฝ่ายบริหารภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดนี้จะถอนตัวออกจากความตกลงปารีส เป็นประเด็นที่ทอดเงาปกคลุมเหนือการประชุมทางเศรษฐกิจครั้งสำคัญที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การประชุมประจำปีของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่พ่วงด้วยการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ (จี20) มีประเด็นสำคัญคือการเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเร่งด่วนมาโดยตลอดในระยะหลัง

แต่การประชุมหนล่าสุดที่เพิ่งจะปิดฉากไปเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปจากการก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์ นั่นคือ ปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องที่ได้รับฉันทามติจากทุกฝ่ายอีกต่อไป

สหรัฐประสบความสำเร็จมาแล้วในการขอให้ตัดถ้อยคำเกี่ยวกับเรื่องสภาพภูมิอากาศออกจากแถลงการณ์ร่วมในการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มจี 20 ที่เมืองบาเดน-บาเดน ในเยอรมนี เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Advertisement

และอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 22 เมษายน ในการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มจี20 ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ที่รัฐบาลสหรัฐชุดก่อนหน้าภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยสิ้นเชิง

ทุกวันนี้ ทำเนียบขาวกังขาในเรื่องโลกร้อนและยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะขอถอนตัวออกจากความตกลงปารีส เพื่อต่อสู้กับโลกร้อนโดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เห็นพ้องกันโดย 194 ประเทศเมื่อเดือนธันวาคม 2558

ความเป็นไปได้ที่สหรัฐประเทศที่มีขนาดของเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีนจะถอนตัวออกจากความตกลงปารีสนั้น เซโกแลน รอยาล รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฝรั่งเศสประเมินว่าอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์

แต่ อัล กอร์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐที่ผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวต่อสู้โลกร้อนคนสำคัญจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ มีความหวังในทางบวกมากกว่า โดยระบุว่า “มีโอกาสสูงมาก” ที่สหรัฐจะไม่ถอนตัวจากความตกลงปารีสด้วยเหตุผลเดียว นั่นคือเศรษฐกิจ

“การสร้างงานในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังแสงอาทิตย์ตอนนี้มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าการสร้างงานโดยรวมของศรษฐกิจถึง 17 เท่า” กอร์บอก

นอกจากนี้ นักสังเกตการณ์บางส่วน อาทิ องค์กรการกุศลออกซ์แฟม ยังเชื่อว่า จะมีแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อภาคเอกชนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อไปยังฝ่ายบริหารของทรัมป์

เนื่องจากการลงทุนทางการเงินในโครงการหรือเทคโนโลยีที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมจะได้รับเสียงคัดค้านจากสาธารณชนในวงกว้าง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image