บีบีซีรายงานว่า ผลสำรวจชิ้นล่าสุดพบว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นกังวลว่าพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาของคนในชาตินั้นเกินเลยไป
ผลสำรวจทางออนไลน์ที่จัดทำโดยมูลนิธิเพื่อการศึกษาและวิจัยแอลกอฮอล์ (แฟร์) ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,820 รายทั่วออสเตรเลียพบว่า 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ออสเตรเลียมีปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป โดย 44 เปอร์เซ็นต์ดื่มจนถึงขั้นเมามาย เพิ่มจาก 37 เปอร์เซ็นต์ในการสำรวจเมื่อปี 2559
ผลสำรวจพบว่า ไวน์บรรจุขวด เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ชาวออสเตรเลีย ที่ 29 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยเบียร์ที่มีความเข้มของแอลกอฮอล์ในระดับปกติที่ 21 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ชาวออสเตรเลีย 92 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างแอลกอฮอล์ และความรุนแรงในครอบครัว โดยมีชาวออสเตรเลีย 35 เปอร์เซ็นต์ที่เคยได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นจาก 29 เปอร์เซ็นต์ในการสำรวจเมื่อปี 2559
นายไมเคิล ธอร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแฟร์ระบุว่า ชาวออสเตรเลียเป็นกังวลเรื่องอันตรายที่เกิดจากแอลกอฮอล์ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ของตนเอง
“ชาวออสเตรเลียควรจะคิดถึงเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตจากแอลกอฮอล์ปีละ 5,500 ราย ป่วยเข้าโรงพยาบาลปีละ 160,000 รายและเหตุการณ์รุนแรงอีกปีละ 70,000 คดี” นายธอร์นกล่าว และว่า เรารู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาคืออะไร นั่นคือปรับปรุงวิธีการเก็บภาษีแอลกอฮอล์ ทำให้เข้าถึงหรือซื้อหาได้ยากขึ้น รวมถึงจำกัดการโฆษณาผ่านการสนับสนุนกีฬา
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า คนส่วนใหญ่เชื่อว่าอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ต้องรับผิดชอบในเรื่องอันตรายที่เกิดจากการดื่ม
ด้านองค์การเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออสเตรเลียระบุว่า ผลสำรวจชิ้นนี้เป็นไปตามอารมณ์ความรู้สึกและขาดหลักฐานรองรับที่เพียงพอ พร้อมระบุว่าชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่ดื่มแอลกอฮอล์แต่พอประมาณเท่านั้น
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (ฮู) จัดให้ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 19 ของประเทศที่มีการบริโภคแอลกอฮอล์มากที่สุด โดยสหราชอาณาจักรอยู่ที่อันดับ 25 นิวซีแลนด์ ที่ 31 แคนาดาที่ 40 และสหรัฐอเมริกาอยู่อันดับที่ 48
