สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายเบน เบอร์แนงคี อดีตประธานกองทุนสำรองแห่งรัฐหรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังขาในเรื่องคำมั่นสัญญาของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจออกไป 3 เปอร์เซ็นต์เพื่อการสร้างงานและเปิดให้มีช่องว่างสำหรับการใช้นโยบายปรับลดภาษี
นายเบอร์แนงคีกล่าวระหว่างการปรากฏตัวในรายการของทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ระบุว่า “บนพื้นฐานของความต่อเนื่อง นั่นอาจจะเป็นไปได้ แต่ที่จริงแล้วมีแนวโน้มว่าจะเป็นไปไม่ได้”
ด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวผ่านรายการทางช่องซีเอ็นบีซีเช่นกัน โดยยืนยันมุมมองของฝ่ายบริหารว่า การปรับลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบจะผลักดันให้เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโต 3 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า เป็นการตอกย้ำหลักประกันที่เขาได้กล่าวไว้ในการเปิดเผยแผนการตัดลดภาษีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากระบุว่า มีหลักฐานน้อยมากที่แสดงให้เห็นว่า การปรับลดภาษีจะส่งผลกลับมาให้เกิดเป็นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่นายเบอร์แนงดียอมรับว่า การปรับลดภาษีอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วยิ่งขึ้นในระยะสั้น แต่ยังคงน่ากังขาในระยะยาว
ขณะที่รายงานของกระทรวงพาณิชย์ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ระบุว่า อัตราการเติบโตในไตรมาสแรกที่ผ่านมาร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีโดยอยู่ที่ 0.7 เปอร์เซ็นต์
