สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างการเปิดเผยของนายฟรานซ์ เจสเซน เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป (อียู) ประจำฟิลิปปินส์ เมื่อวันพฤหัสบดี(18 พ.ค.)ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้แจ้งให้ทางอียูรับทราบว่าฟิลิปปินส์จะไม่รับความช่วยเหลือจากอียูอีกต่อไป ซึ่งจะมีผลต่อความช่วยเหลือมูลค่ากว่า 250 ล้านยูโรที่อียูจะมอบให้ฟิลิปปินส์
ด้านเจ้าหน้าที่ทางการฟิลิปปินส์ปฏิเสธในเบื้องต้นที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่ระบุว่าจะมีการแถลงในภายหลัง
กระทั่งนายเออร์เนสโต อเบลลา โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีแถลงในเวลาต่อมาว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจากอียูที่เป็นการเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของฟิลิปปินส์ และว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ได้เห็นชอบในเรื่องนี้ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอแนะไป
โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวว่า มีความช่วยเหลือหนึ่งจากอียูที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ปฏิเสธไปแล้ว เนื่องจากมีเงื่อนไขที่”น่ารังเกียจ”ตามมาด้วย ทว่านายอเบลลาไม่ได้เจาะจงว่าเป็นความช่วยเหลือใด อย่างไรก็ดี นายอเบลลาระบุว่าฟิลิปปินส์จะยังคงรับความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมต่อไป
ทั้งนี้ อียู ถือเป็นแหล่งเงินช่วยเหลือแหล่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของฟิลิปปินส์ โดยในปีที่แล้วอียูมอบความช่วยเหลือให้ฟิลิปปินส์มีมูลค่า 217 ล้นดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวระบุว่า การหันหลังให้กับอียูของฟิลิปปินส์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ภายใต้การนำของประธานาธิบดีดูแตร์เตถูกอียูวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการทำสงครามยาเสพติดรุนแรงที่ทำให้มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิตไปแล้วหลายพันคนและทำให้เกิดความห่วงกังวลว่าจะเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ในปีที่แล้วนายดูแตร์เตยังใช้ถ้อยคำอันหยาบคายในการตอบโต้กลับรัฐสภายุโรปที่ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลต่อนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลดูแตร์เต โดยรัฐบาลเยอรมนียังเปรียบการทำสงครามยาเสพติดของนายดูแตร์เตกับการสังหารหมู่ชาวยิวของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมันด้วย