สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธ(24 พ.ค.) อ้างถึง วอชิงตันโพสต์ และ ดิ อินเตอร์เซ็พ สื่อในสหรัฐอเมริกา ที่เปิดรายงานการบันทึกการสนทนาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ที่โทรศัพท์ไปพูดคุยกับประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ที่ทำเนียบขาวสหรัฐระบุว่าเป็นการหารือกัน “อย่างเป็นมิตรมากๆ ” โดยสื่อสหรัฐอ้างบันทึกดังกล่าวระบุว่า ในการพูดคุยกันครั้งนี้ นายทรัมป์เรียกนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่าเป็น “คนบ้าที่มีอาวุธนิวเคลียร์” ทว่าหลังจากการหารือกับผู้นำฟิลิปปินส์ไม่กี่วัน นายทรัมป์ออกมากล่าวว่า เขาจะรู้สึก”เป็นเกียรติ” ที่จะได้พบปะกับนายคิม จอง อึน
“เราไม่สามารถปล่อยให้คนบ้าที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไปแบบนั้นได้ เราก็มีอาวุธอยู่มากมาย มากกว่าเขาเป็น 20 เท่า แต่เราไม่ต้องการใช้มันแค่นั้น” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับนายดูแตร์เต ที่ทรัมป์ยังอ้างถึงเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ 2 ลำที่เพนตากอนส่งไปยังคาบสมุทรเกาหลีเมื่อเดือนที่แล้ว
ผู้นำสหรัฐยังได้สอบถามผู้นำฟิลิปปินส์ว่า เขาคิดว่านายคิม จอง อึน เป็นคนที่อยู่กับร่องกับรอยหรือไม่ นายดูแตร์เตตอบว่า “สติสัมปชัญญะของผู้นำเกาหลีเหนืออาจไม่ทำงาน และเขาอาจจะบ้าไปชั่วขณะ”
ผู้นำฟิลิปปินส์ยังกล่าวถึงนายคิมว่า “เขามีของเล่นอันตรายอยู่ในมือที่อาจสร้างความเจ็บปวดทุกข์ระทมให้แก่มวลมนุษยชาติได้” แต่นายทรัมป์กล่าวให้ความมั่นใจว่าเกาหลีเหนือล้มเหลวในการทดสอบขีปนาวุธเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่ง”นั่นเป็นข่าวดี”
นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังกดดันให้ผู้นำฟิลิปปินส์เรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ใช้อิทธิพลที่มีกดดันเกาหลีเหนือ และว่า “หากจีนไม่ทำ เราจะลงมือทำเอง” โดยแม้นายดูแตร์เตจะเห็นด้วยว่าไพ่ใบสุดท้ายจะต้องอยู่กับจีน แต่ก็กล่าวอย่างระมัดระวังว่า ทางเลือกอื่นก็คือการระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งไม่เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในการเปิดฉากการสนทนา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวแสดงความยินดีกับนายดูแตร์เตกับ”ผลงานที่ยิ่งใหญ่”ในการปราบปรามยาเสพติดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ขณะที่ในการปิดท้ายการสนทนา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เชื้อเชิญประธานาธิบดีดูแตร์เตมาเยือนทำเนียบขาวด้วย
