สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนระบุว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีแนวโน้มว่าจะได้รับเสียงข้างมากเพิ่มขึ้นจากที่มีอยู่เดิมในการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันที่ 8 มิถุนายน โดยโพลนี้เผยแพร่ไม่นานนักหลังจากที่ผลสำรวจก่อนหน้านี้ระบุว่าการต่อสู้ระหว่างพรรคอนุรักษนิยมของนางเมย์ กับพรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้าน จะสูสีคู่คี่กันแบบหายใจรดต้นคอ
ผลสำรวจของบริษัทจัดทำโพล โอพิเนียม ระบุว่า คะแนนนิยมที่พรรคของนางเมย์นำหน้าพรรคแรงงานถ่างออกเป็น 7 จุดแล้ว เพิ่มขึ้น 1 จุดจากผลสำรวจก่อนหน้านี้ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งโพลล่าสุดนับเป็นชิ้นแรกที่สำรวจทั่วประเทศหลังเหตุก่อการร้ายใจกลางกรุงลอนดอนเมื่อคืนวันที่ 3 มิถุนายน โดยเป็นการสำรวจระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน
ผลสำรวจพบว่า คะแนนสนับสนุนพรรคอนุรักษนิยมอยู่ที่ 43 เปอร์เซ็นต์ ไม่เปลี่ยนไปจากการสำรวจหนก่อนหน้า แต่พรรคแรงงานมีคะแนนนิยมลดลง 1 จุดมาอยู่ที่ 36 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ “แอชครอฟท์ โมเดล” แบบจำลองการเลือกตั้งของนายไมเคิล แอชครอฟท์ นักธุรกิจอดีตผู้บริจาครายใหญ่ของพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนในการจัดทำผลสำรวจต่างๆ มากมาย ระบุว่า พรรคของนางเมย์จะได้ไป 64 ที่นั่ง เพิ่มจาก 60 ที่นั่งที่มีอยู่เดิม
ข่าวระบุว่า โพลสำรวจความคิดเห็นของอังกฤษหลายสำนักแสดงให้เห็นถึงคะแนนสนับสนุนของทั้ง 2 พรรคการเมืองหลักที่แตกต่างกันออกไป ส่งผลให้เกิดความกังขาต่อวงการจัดทำโพลหลังจากที่ล้มเหลวในการทำนายผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษครั้งที่แล้วเมื่อปี 2558 และผลการลงประชามติที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิท เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจทุกชิ้นแสดงให้เห็นไปในทางเดียวกันว่า พรรคอนุรักษนิยมของนางเมย์มีคะแนนนำมาตลอดในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุดก่อนหน้าการเลือกตั้ง หลังจากทางพรรคประกาศคำมั่นสัญญาด้านนโยบายของพรรคออกมา
ผลสำรวจระบุว่า ประเด็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประเด็นที่มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนของผู้มีสิทธิมากที่สุดหลังเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงลอนดอนโดยเพิ่มจาก 2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาเป็น 11 เปอร์เซ็นต์หลังเกิดเหตุ
ขณะที่นางเมย์เป็นผู้นำที่ได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและเบร็กซิท ขณะที่นายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานได้รับความเชื่อมั่นมากที่สุดในเรื่องสาธารณสุข
