สัมภาษณ์พิเศษ : นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์

สุนทร ชัยยินดีภูมิ

หมายเหตุ”มติชน” – หนึ่งในประเด็นต่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการที่หลายประเทศในตะวันออกกลางนำโดยซาอุดีอาระเบีย ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ รวมถึงปิดชายแดนทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยมีการให้เหตุผลว่ากาตาร์สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงและกลุ่มก่อการร้าย คำประกาศดังกล่าวส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นทันที เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกระบุว่าเป็นวิกฤตการณ์ทางการทูตที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีของตะวันออกกลางและยังไม่รู้ว่าจะยุติลงเมื่อใด “มติชน”ได้พูดคุยกับท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกาตาร์ เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นและสอบถามถึงความเป็นจริงในพื้นที่ รวมถึงผลกระทบที่มีต่อคนไทยในกาตาร์

๐สถานการณ์ในกาตาร์ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ความเป็นอยู่ในขณะนี้เกือบจะปกติ ทุกคนยอมรับความจริงว่าเกิดปัญหาขึ้น วันแรกๆ คนค่อนข้างตื่นกลัวว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร รุนแรงหรือไม่ เพราะการประกาศตัดความสัมพันธ์นำไปสู่การห้ามการเดินทางไปมาระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงการบิน และยังมีคำสั่งให้คนชาติของประเทศที่ประกาศตัดความสัมพันธ์เดินทางออกจากกาตาร์ด้วย ขณะนี้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่สงคราม แต่เรื่องอาหารการกินอาจต้องมีการปรับตัว สินค้าที่เคยนำเข้าจากซาอุดีอาระเบีย อาทิ ไก่และนม ก็หายไปจากชั้นวางสินค้าหมดแล้ว
เมื่อช่วงเย็นวันนี้(9 มิถุนายน) ผมเพิ่งออกจากสำรวจสถานการณ์ในร้านขายสินค้าพบว่านมก็ถูกนำเข้ามาจากตุรกีแล้ว ราคาก็ยังโอเคเพราะกาตาร์มีกลไกคณะกรรมการกำกับราคาสินค้า ไม่ใช่ใครจะเก็งกำไรราคาสินค้าจนทำให้ผู้คนเดือดร้อน

๐แสดงว่าความเป็นอยู่ในกาตาร์ขณะนี้ไม่ได้ลำบากอดอยากอะไร
ความเป็นอยู่ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ได้ลำบาก แต่อาจมีความไม่สะดวกในการเดินทาง ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจและเริ่มบ่นว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ เพราะคนในหลายประเทศก็แต่งงานกันไปมา มันกระทบถึงครอบครัวของเขา แต่ในส่วนของคนต่างชาติถือว่าโอเค ตอนนี้ก็รอดูสถานการณ์ แรกๆ คนที่มาจากประเทศที่มีปัญหากันก็อาจกลัวว่าจะตกงานถ้าปัญหายืดเยื้อ
ในส่วนของคนไทยในกาตาร์ ปัจจุบันมีอยู่ราว 3,700 คน เป็นคนงานที่มาทำงานก่อสร้าง 1,100-1,200 คน ซึ่งตัวเลขไม่แน่นอนเพราะบางทีทำงานก่อสร้างจบ ถ้าไม่ต่อสัญญาก็จะส่งกลับ ทำงานสายการบินพันกว่าคน ที่เหลือมาทำงานในสปา และเป็นนักเรียนที่ได้รับทุนจากรัฐบาลกาตาร์มาเรียนระดับมัธยาปลาย 22 คน มหาวิทยาลัย 2 คน

บรรยากาศร้านค้าในกาตาร์

๐ในส่วนของแรงงานบริษัทนายจ้างต้องดูแลความเป็นอยู่
แน่นอน บริษัทนายจ้างต้องดูแล แต่แนวโน้มของแรงงานไทยในกาตาร์ก็ลดลงอยู่แล้ว เพราะโครงการก่อสร้างบางโครงการก็ชะลอหรือจบ ฉะนั้นที่ผ่านมาแรงงานไทยก็ค่อยๆ ทยอยกลับหรือไปทำงานที่ประเทศข้างเคียง อาทิ บาห์เรน
แรงงานไทยที่มาทำงานในกาตาร์ถือเป็นแรงงานมีฝีมือ มีรายได้เดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ส่วนใหญ่มากับบริษัทฝรั่งที่เคยทำงานในไทย ซึ่งเขาจะรู้ฝีมือแรงงานไทยดี ขณะที่บริษัทก่อสร้างจีนก็มักจะใช้แรงงานอินเดียเป็นหลัก ถ้าเข้ามาเป็นกรรมกรรายได้จะอยู่ที่เดือนละ 9,000 กว่าบาท ซึ่งมักจะเป็นชาวอินเดียและเนปาล
ปัญหาส่วนหนึ่งที่พบคือพวกที่มาทำงานสปา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ได้มาอย่างถูกต้องผ่านบริษัทจัดหางาน แต่มีไม่มาก เพราะกาตาร์เข้มงวดเรื่องการออกวีซ่า จะมีการตรวจสอบกับผู้ประกอบธุรกิจ อีกทั้งกฎหมายที่นี่ชัดเจนว่าถ้าเป็นการนวด ผู้ชายต้องนวดผู้ชาย ผู้หญิงก็นวดผู้หญิง แยกกันเด็ดขาด ร้านเสริมสวยก็เช่นกัน เขามีจารีตประเพณีแบบนี้ซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่สุดและทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาการค้าบริการ

Advertisement
บรรยากาศร้านค้าในกาตาร์

๐แปลว่าสถานการณ์ไม่น่าวิตก
พอผ่านช่วงแรกที่คนอาจตื่นตกใจไปแล้ว ขณะนี้สถานการณ์เริ่มหยุดนิ่งและกำลังรอดูว่าฝ่ายซาอุดีอาระเบียจะมีข้อเรียกร้องอะไร และฝ่ายกาตาร์จะยอมตามข้อเรียกร้องหรือไม่ เท่าที่ดูขณะนี้ไม่เห็นการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ก็ต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป เพียงแต่อาจมีความไม่สะดวกเรื่องอาหาร การขนส่ง และธุรกิจสายการบินของกาตาร์ที่ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ได้ หรือต้องบินอ้อมซึ่งเสียเวลาเพิ่มขึ้น สำหรับคนไทยเราไม่มีผลกระทบอะไรโดยตรง แต่ผู้ที่เป็นลูกเรือของกาตาร์แอร์เวย์สก็อาจไม่มั่นใจในช่วงแรก เพราะไม่รู้ว่าเส้นทางที่เคยบินจะไปได้หรือไม่

บรรยากาศร้านค้าในกาตาร์

๐มีคนต่างชาติในกาตาร์มากหรือไม่
ประชากรกาตาร์มี 2.6 ล้านคน เป็นคนกาตาร์ 3 แสนคน ส่วนอีก 2.3 ล้านเป็นชาวต่างชาติ แรงงานอินเดียมากที่สุดเกือบ 5 แสนคน เนปาล บังกลาเทศ ศรีลังกา และปากีสถานอีกราว 2 แสน ฟิลิปปินส์ 2.5 แสน ถือว่ามากที่สุดในอาเซียน คนกาตาร์มีแค่ 3 แสนคน แต่เขาเป็นประเทศที่มีทรัพยากรด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาก และส่งออกก๊าซธรรมชาติเป็นอันดับ 1 ของโลก และมีก๊าซธรรมชาติสำรองมากเป็นอันดับ 3 รองจากรัสเซียและอิหร่าน ดังนั้นพลังงานจึงเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ กาตาร์นำรายได้จากพลังงานราว 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาความมั่งคั่ง และไปลงทุนในต่างประเทศ อาทิ ซื้อหุ้นของห้างแฮร์รอดในอังกฤษ หุ้นโฟล์กสวาเกน และลงทุนซื้อตึกต่างๆ ในยุโรป ทำให้เขาเป็นประเทศที่มีรายได้ประชากรต่อหัวสูงที่สุดในโลกที่พูดกันคือราว 140,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.76 ล้านบาทต่อคน ดังนั้นเศรษฐกิจของกาตาร์ถือว่าแข็งแรงพอควร

๐จนถึงขณะนี้มีคนไทยมาขอความช่วยเหลือกับสถานทูตบ้างหรือไม่
ไม่มี สถานทูตได้ตั้งกลุ่มไลน์สำหรับคนไทยในกาตาร์เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างกัน หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นสมาชิกในกลุ่มก็เพิ่มจาก 180 เป็น 250 คน แสดงว่าคนไทยมีความตื่นตัว ทางสถานทูตได้แจ้งเตือนตลอดหากมีพัฒนาการที่จะกระทบกับความเป็นอยู่ของคนไทย ทั้งผ่านไลน์และเฟซบุ๊กของสถานทูตที่จะคอยชี้แจงและให้ข้อมูล เบื้องต้นที่เน้นคือหากจะเดินทางไปที่ใดขอให้มีการตรวจสอบก่อนและอย่าตื่นตระหนัก

Advertisement
บรรยากาศร้านค้าในกาตาร์

๐คิดว่าสถานการณ์จะจบได้เร็วหรือไม่
ขณะนี้เท่าที่เห็นข้อเรียกร้องของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรมีอยู่ไม่กี่ข้อ คือให้ยุติความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้าย กลุ่มภารดรภาพมุสลิมในอียิปต์ และปาเลสไตน์ ให้สำนักข่าวอัลจาซีรายุติการออกอากาศ ให้ทบทวนความสัมพันธ์กับอิหร่าน ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องยืดเยื้อต่อไป แต่ขณะนี้ก็มีประเทศในภูมิภาคที่พยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง อาทิ คูเวต และโอมาน
ประเทศในตะวันออกกลางเป็นคนอาหรับด้วยกันหมด เขาไม่มีความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติศาสนา แต่เป็นเรื่องการเมือง ถ้าฟังจากกาตาร์เขาก็มองว่าประเทศเพื่อนบ้านอิจฉาที่กาตาร์ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจจนมีความมั่งคั่ง แต่อีกฝ่ายมองว่ากาตาร์ชอบแตกแถว ไม่อยู่กับกลุ่มคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ(จีซีซี) มีนโยบายล้ำเส้น และสนับสนุนกลุ่มที่มีความขัดแย้งกับซาอุดีอาระเบีย คิดว่าซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรต้องการจะให้บทเรียน เพราะเขาพูดชัดเจนว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะล้มราชวงศ์กาตาร์ แต่จะให้บทเรียนเพื่อให้กาตาร์ปรับเปลี่ยนนโยบายของตนเอง

๐ก่อนหน้านี้มีสัญญานอะไรว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่
อาจมีความรู้สึกลึกๆ แต่ไม่มีสัญญานอะไรชัดเจน กาตาร์มองว่าทั้งหมดเป็นแค่ข้อกล่าวหา ซึ่งไม่มีอะไร แต่หลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกับผู้นำชาติตะวันออกกลางเพียงอาทิตย์กว่าๆ กาตาร์อ้างว่าสำนักข่าวกาตาร์นิวส์เน็ตเวิร์คถูกแฮกข้อมูล และมีการเอาข้อความเป็นเท็จกล่าวหาเจ้ากาตาร์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตร ซึ่งไม่เป็นความจริงและขอให้เชื่อใจกาตาร์ แต่ก็มีการกระพือข่าวขึ้นมา เลยกลายเป็นการโจมตีว่าอีกฝ่ายไม่มีความจริงใจ

สิ่งที่เห็นคือในชั้นนี้ยังไม่มีอะไรน่ากลัว และยังไม่ได้มีพัฒนาการไปแบบเลวร้ายลง แต่จะหาทางลงอย่างไรก็อยู่ที่ทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image