เว็บไซต์เดอะการ์เดียน รายงานเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า สหรัฐได้ลงนามในข้อตกลงขายเครื่องบินรบเอฟ-15 จำนวนกว่า 10 ลำมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4 แสนล้านบาทแล้วเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังทรัมป โจมตีว่ากาตาร์ สนับสนุนก่อการร้ายได้เพียงไม่กี่วัน
รายงานระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นการอีกหนึ่งการหักมุมของนโยบายทางการทูตของสหรัฐที่ขัดแย้งในตัวเอง ในประเด็นกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางการทูตของกาตาร์ ประเทศซึ่งถูกประเทศเพื่อนบ้านตัดความสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดซึ่งกินเวลาเป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว
รายงานระบุว่า กาตาร์กำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรทั้งทางเศรษฐกิจและทางการทูตจากซาอุดีอาระเบีย และพันธมิตรหลายชาติ โดยอ้างว่ากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ข้อกล่าวหาซึ่งรัฐบาลกาตาร์ปฏิเสธ
นอกจากการตัดสัมพันธ์ทั้งการทูตและเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลจาก 4 ชาติได้สั่งให้ชาวกาตาร์ ออกจากประเทศภายใน 14 วัย และเรียกพลเมืองกลับประเทศ ขณะที่การแสดงออกของประชาชนที่แสดงความเห็นใจชาวกาตาร์ กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ในบาห์เรน และยูเออี
ขณะที่ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐแดสงออกอย่างต่อเนื่องในการกล่าวหากาตาร์ แม้ว่าเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหม หรือเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศจะเสนอว่าให้แสดงจุดยืนที่เป็นกลางมากกว่านี้
ทั้งนี้ทรัมป์ ระบุเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า โชคไม่ดีที่ประเทศกาตาร์เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินกับกลุ่มก่อการร้าย และอยู่ในระดับสูงมากๆ และว่า เวลามาถึงแล้วที่จะต้องเรียกร้องให้กาตาร์หยุดการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าว
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า การขายเครื่องบินรบดังกล่าวจะเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐและกาตาร์ และว่ารัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองชาติได้หารือเกี่ยวกับปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม รวมถึงความสำคัญเกี่ยวกับการลดความตึงเครียดในคาบสมุทรอาหรับ
