คอลัมน์ Think Tank: ศก.สหรัฐฟื้น ผลงานใคร?

REUTERS/Carlos Barria/File Photo

ในช่วงเวลาที่เข้าร่วมการสนทนาหารือกับบรรดาผู้นำประเทศเขตเศรษฐกิจโลกยักษ์ใหญ่ชาติอื่นๆ โดนัลด์ ทรัมป์อยู่ในอารมณ์ร่าเริงเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะยังมีเรื่องที่ไม่สดใสอยู่บ้าง

“ตลาดหุ้นพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ค่าแรงเริ่มต้นที่จะปรับขึ้น และพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเราไม่เคยแข็งแกร่งกว่านี้” ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1 วันก่อนเดินทางเข้าร่วมการประชุมจี20 ในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี

“ไม่ว่าคุณจะมองที่ไหน เศรษฐกิจของเรากำลังโชติช่วง”

ทรัมป์ที่บ่อยครั้งมักจะตำหนิสื่อสหรัฐว่าไม่ยอมให้เครดิตเขาเท่าที่ควร สามารถชี้ให้เห็นได้ถึงตัวเลขบางจุดที่โดดเด่นนับตั้งแต่การได้รับเลือกตั้งเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน

Advertisement

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 17.2 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 13.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 18.4 เปอร์เซ็นต์

อัตราว่างงานอยู่ที่ 4.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่การขาดดุลการค้าหดตัวลงโดยการส่งออกในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่านายทรัมป์ดูเหมือนจะรับความดีความชอบในความสำเร็จนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการจ้างงาน ที่รากฐานถูกวางมาอย่างดีโดยบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า

Advertisement

นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังระบุว่า ทรัมป์แสดงออกมาน้อยนิดมากในแง่ของนโยบาย โดยการปฏิรูปภาษีและโครงการใช้จ่ายงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานที่โอ้อวดไว้ ยังคงเป็นแค่ประเด็นในการพูดคุย

ในขณะที่การยกเครื่องระบบประกันสุขภาพที่ให้สัญญาไว้ ซึ่งในนั้นรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่สำหรับคนรวย ยังคงต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อจะให้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากอยู่

“ผมคงต้องบอกว่า นี่เป็นการฟื้นตัวที่ยังคงมาจากผลงานของโอบามา” โจเซฟ อี. แกกนอน แห่งสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศปีเตอร์สันกล่าว และว่า “ยังไม่มีเรื่องไหนที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสำคัญ”

ทรัมป์ก้าวขึ้นรับตำแหน่งด้วยการตำหนิผลงานทางเศรษฐกิจของโอบามา โดยระบุว่ามีผู้ที่ถูกทิ้งโดยไม่ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวมากเกินไป และให้สัญญาว่าจะผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตถึงระดับ 4 เปอร์เซ็นต์

แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพิ่งจะปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมกราคมว่าจะโต 2.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2017 และ 2.5 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2018 ลงเหลือ 2.1 เปอร์เซ็นต์ทั้ง 2 ปี โดยเตือนว่า สหรัฐขาดซึ่ง “ความแน่นอนทางนโยบาย” ในรายละเอียดของแผนการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ

ดัชนีสำหรับภาคการผลิตและการบริการยังคงเติบโต แต่อุตสาหกรรมก็ยังเป็นกังวลกับความไม่แน่นอนในนโยบายของฝ่ายบริหารอยู่ดี

ซึ่งความไม่แน่นอนนี้ ไม่ช่วยให้บรรยากาศในการทำธุรกิจดีขึ้นแน่ๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image