สำนักข่าวบีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจตุรกีบุกรุกเข้าสำนักงานใหญ่สำนักข่าวซามานอันเป็นสำนักข่าวหนังสือพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังศาลตัดสินให้สำนักข่าวซามานตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอำนาจรัฐบาล
สำนักข่าวซามานมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดบาทหลวงเฟตอัลเลาะห์ กูเลน ชาวตุรกีที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และขบวนการเคลื่อนไหวฮิซเมตที่รัฐบาลตุรกีตีตราในฐานะกลุ่มก่อการร้าย อันมีเป้าหมายในการโค่นรัฐบาลของนายเรย์ซิป เทย์ยิป แอร์ดวน ประธานาธิบดีตุรกี
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ศาลตุรกีตัดสินให้สำนักข่าวซามาน ที่มียอดจำหน่ายรายวันประมาณ 650,000 ฉบับ ควรอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาล โดยปราศจากการอธิบายอื่นเพิ่มเติม
ปฏิบัติการบุกรุกวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุมผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่ออกมารวมตัวกันหน้าอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อมิให้รัฐบาลเข้ายึดอำนาจสำนักข่าว
นายอับดุลฮามิต บิลิชี หัวหน้าบรรณาธิการซามานแถลงเพียงไม่นานก่อนปฏิบัติการบุกรุกว่า “ผมเชื่อว่าสื่อเสรีจะดำเนินต่อไปแม้ว่าเราจะต้องเขียนมันลงบนกำแพง” พร้อมเสริมว่า “ผมไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ที่จะปิดปากสื่อในโลกยุคดิจิตอล”
ขณะที่นายเอมเร ซันแคน นักข่าวสำนักข่าวซามาน ระบุผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “รัฐบาลตุรกีทำการยึดหนึ่งในเสียงสุดท้ายในการวิพากษ์ของประเทศไปแล้ว” และกล่าวถึงการยึดสำนักข่าวครั้งนี้ว่าเป็นจุดจบแห่งประชาธิปไตย
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวซามานระบุว่าตุรกีกำลังข้ามผ่านวันคืนอันมืดมนและน่าหมดหวังสำหรับเสรีภาพสื่อ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 มีนาคม เว็บไซต์ของสำนักข่าวดังกล่าวยังคงทำงานอย่างปกติ แต่ไม่มีการตีพิมพ์ข่าวการบุกรุกสำนักข่าวแต่อย่างใด
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เรียกการยึดสำนักข่าวซามานว่า เป็น “การกระทำล่าสุดของการบังคับใช้กฎหมายและศาลอันมีปัญหาของรัฐบาลตุรกี”
ทั้งนี้ ตามการจัดอันดับดัชนีเสรีภาพสื่อมวลชนโลกประจำปี 2015 ขององค์กรผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ตุรกีมีเสรีภาพสื่อเป็นอันดับที่ 149 จากทั้งหมด 180 ประเทศที่ผ่านการจัดอันดับ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลตุรกีโต้แย้งว่าสื่อในประเทศเป็นหนึ่งในสื่อที่มีเสรีภาพที่สุดในโลก