‘เอดีบี’ เตือนโลกร้อนเป็นหายนะสำหรับเอเชีย ไทยติด1ใน10ชาติกระทบมากสุด

(FILES) / AFP PHOTO / TED ALJIBE

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมระบุว่า วิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามปกติแบบที่เคยเป็นมาจะเป็น “หายนะ” สำหรับเอเชีย โดยเป็นการบ่อนทำลายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยมซึ่งช่วยในการขจัดความยากจนได้อย่างมาก

รายงานระบุว่า การพึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไปจะทำให้ทวีปเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนในระยะยาว ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และการเปลี่ยนรูปแบบของฝนที่ตกลงมา ซึ่งจะเป็นตัวขัดขวางระบบนิเวศ สร้างความเสียหายให้การดำรงชีวิต ความเป็นอยู่ หรือแม้กระทั่งก่อให้เกิดสงคราม

“ภาวะโลกร้อนที่ไม่ลดน้อยถอยลงเป็นภัยคุกคามที่จะลบล้างความก้าวหน้าของการพัฒนาหลายๆ เรื่องตลอดช่วงทศวรรษหลังๆ ที่ผ่านมา ชัดเจนที่สุดคือความเสียหายเป็นมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจ” รายงานของเอดีบีระบุ และว่าก่อนสิ้นสุดศตวรรษนี้ หลายพื้นที่ของทวีปเอเชียอาจได้เห็นสภาพอากาศโหดร้ายสุดโต่งที่ระดับ 8 องศาเซลเซียสมากกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งของระดับดังกล่าว

“การรับมือกับปัญหาแบบที่เป็นมาจะนำไปสู่ผลกระทบทางสภาพอากาศในระดับหายนะสำหรับผู้คนในเอเชียและแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรกลุ่มที่ยากจนและเปราะบางที่สุด” รายงานระบุ แต่บอกด้วยว่า ภูมิภาคนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดหายนะโดยการเปลี่ยนมาใช้แหล่งพลังงานทดแทนที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

Advertisement

ความตกลงปารีสสู้โลกร้อนที่เห็นพ้องกันเมื่อปี 2558 ผููกมัดให้นานาชาติรักษาระดับอุณหภูมิโลกไว้ที่สูงกว่าช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมไม่เกิน 2.0 องศาเซลเซียส (3.6 องศาฟาเรนไฮต์) และแม้อาจยากที่จะจัดการควบคุมไว้ที่ระดับดังกล่าว แต่ระดับ 4 องศาเซลเซียสจะนำไปสู่หายนะด้านมนุษยธรรมในหลายๆ ประเทศ และส่งผลให้เกิดการหลั่งไหลของผู้อพยพที่ไม่สามารถจัดการได้ หรือการถูกปิดล้อมของประชากร

ระดับน้ำทะเลในเอเชียทั้งหมดจะสูงขึ้น 1.4 เมตรภายในศตวรรษนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในความตกลงปารีส และจะเผชิญกับพายุไซโคลนในระดับทำลายล้างมากขึ้น

รายงานระบุด้วยว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ระบบปะการังจะพังจากการฟอกขาวเป็นวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและประมง

Advertisement

นอกจากนี้ ธารน้ำแข็งในเอเชียที่ละลายจะส่งผลให้เกิดทั้งน้ำท่วมและการขาดแคลนน้ำ ทำให้การเกษตรหยุดชะงัก และต้องพึ่งพาน้ำฝนมากขึ้น

เอดีบีระบุด้วยว่า พม่า ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ เวียดนาม ปากีสถานและไทยเป็น 6 ใน 10 ประเทศในโลกที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะโลกร้อน และประกาศว่าจะเพิ่มเงินในการลงทุนเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอีก 2 เท่าเป็น 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2563 ซึ่งรวมถึงอีก 2,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image