เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษเผยแพร่ “รายงานสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ประจำปี 2559” ประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยหลายประเทศทั่วโลกโดย
กล่าวถึงประเทศไทยในประเด็นการจำกัดเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การจำกัดพื้นที่ของภาคประชาสังคม และ กล่าวถึงการคุกคามการทำหน้าที่ของ ศิริกาญจน์ เจริญศิริ (จูน) ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
รายงานระบุถึงไทยในหัวข้อ “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” ระบุว่ามาเลเซีย เวียดนามและไทย ยังคงมีการจำกัดการแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล โดยเฉพาะนับตั้งแต่รัฐบาลทหารเข้าสู่อำนาจกฎหมายบางฉบับถูกใช้เพื่อจำกัดสื่อมวลชน เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในการประท้วง และมีการลงโทษรุนแรงแล้วในบางกรณี
รายงานระบุถึง การคุกคามการทำหน้าที่ของผู้พิกษ์สิทธิมนุษยชนที่ป็นแนวหน้าในการปกป้องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยด้วย โดยยกตัวอย่างกรณีของ ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ต้องถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นจาการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยคดีของศิริกาญจน์ จะต้องถูกนำขึ้นศาลทหารและอาจต้องเจอโทษจำคุกถึง 15 ปี
รายงานระบุว่าสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในประเทศไทยทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลอังกฤษเป็นผู้สนับสนุนทนายความด้านสิทธิมนุษยชนมาอย่างยาวนาน ด้วยการสนับสนุนโครงการในการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและพัฒนาเครือข่ายให้กว้างออกไปสู่ต่างประเทศ และโครงการต่างๆเหล่านั้นช่วยให้มีการรายงานกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ดีขึ้น นอกจากนี้สถานทูตยังเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมภาคประชาสังคมเพื่อช่วยให้สมาชิกและพบปะและสร้างเครือข่ายให้กว้างมากขึ้น นอกเหนือจากนี้รัฐบาลอังกฤษยังคงยกกรณีของทนายศิริกาญจน์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและได้แถลงต่อองค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับความจำเป็นในการปกป้องผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน โดยสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษจะยังคงจับตาคดีนี้อย่างใกล้ชิด
รายงานระบุถึงประเทศไทยด้วยในหัวข้อการจำกัดพื้นที่ของกลุ่มประชาสังคม โดยระบุว่า กลุ่ม CIVICUS องค์กรไม่แสวงผลกำไรนานาชาติ เพื่อสนับสนุนภาคประชาสังคมทั่วโลก ประเมินว่า ยังคงมีการ “ปิด” พื้นที่ของภาคประชาสังคมในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ลิเบีย ซูดาน ซูดานใต้ เอธิโอเปีย และเวียดนาม และ มีการ “จำกัด” พื้นที่ภาคประชาสังคมในหลายประเทศเช่นรัสเซีย จีน ตุรกี และ “ไทย”
