สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา อ้างชัยชนะในการเลือกตั้งเพื่อหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ โดยฝ่ายค้านประกาศกร้าวที่จะชุมนุมประท้วงต่อไปแม้จะมีการปะทะรุนแรงเกิดขึ้น
มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 รายท่ามกลางคลื่นการชุมนุมประท้วงที่รุนแรงทั่วประเทศเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ในขณะที่นายมาดูโรยังคงเพิกเฉยต่อการคว่ำบาตรของฝ่ายค้านและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติ รวมถึงคำขู่คว่ำบาตรรอบใหม่จากสหรัฐอเมริกา และเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่
กลุ่มผู้ประท้วงโจมตีคูหาเลือกตั้งและพังที่กั้นถนนทั่วประเทศ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตอบโต้อย่างรุนแรง โดยมีการใช้กระสุนจริงในบางกรณี
และแม้จะมีการคว่ำบาตรและความไม่สงบ แต่สภาการเลือกตั้งแห่งชาติ (เอ็นอีซี) เปิดเผยว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมากกว่า 8 ล้านคน คิดเป็น 41.5 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อกลุ่มผู้สนับสนุนหลายร้อยคนใจกลางกรุงการากัส นายมาดูโรประกาศกร้าวว่าได้รับชัยชนะ โดยระบุว่า “เรามีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว”
นายมาดูโร ประธานาธิบดีแนวทางสังคมนิยมวางเดิมพันในการครองอำนาจ 4 ปี ของเขาไว้กับสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 545 คน ซึ่งจะมีอำนาจในการยุบสภาคองเกรสที่ฝ่ายค้านครองเสียงส่วนใหญ่ และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา
มีการประณามการเลือกตั้งครั้งนี้จากนานาชาติอย่างรุนแรงนำโดยสหรัฐที่ขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลมาดูโรที่แข็งกร้าว สหภาพยุโรป (อียู) แคนาดา อาร์เจนตินา บราซิล โคลอมเบีย และเม็กซิโกได้ประณามการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย ขณะที่ฝ่ายค้านระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการโกง