สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม สำนักงานความมั่นคงสาธารณะกวางตุ้งของจีน แจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวสมาชิกของบริษัท “ซ่านซินฮุ่ย” ซึ่งมีธุรกิจแบบพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ จำนวน 230 คน และในจำนวนนี้ถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม 142 คน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอีก 55 แห่ง ที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกิจการของซ่านซินฮุ่ย และกำลังถูกตรวจสอบอยู่ โดยตำรวจกวางตุ้งระบุว่าจะเดินหน้าปราบปรามต่อไป
ข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม มีสมาชิกของกลุ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ในกรุงปักกิ่งเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน หยุดการตรวจสอบกลุ่มของพวกตน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวผู้ชุมนุมไป 67 คน ขณะที่นายจาง เทียนหมิง ผู้ก่อตั้ง พร้อมกับพนักงานหลายคนของบริษัท ได้ถูกจับกุมตัวเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ข้อหาฉ้อโกงเงินของเหยื่อไปจำนวนมาก
โดยภาพและวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ แสดงให้เห็นการรวมตัวกันของผู้คนจำนวนมาก พร้อมกับแผ่นผ้าสีแดง ที่มีข้อความเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสีหยุดการตรวจสอบ ซ่านซินฮุ่ย ซึ่งการรวมตัวกันของผู้คนจำนวนมากเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนไม่ค่อยเปิดโอกาสให้มีการแสดงออกในที่สาธารณะ
ทั้งนี้ ซ่านซินฮุ่ย จดทะเบียนประกอบธุรกิจไว้ที่เมืองเสิ่นเจิ้นในฐานะกลุ่มเคลื่อนไหวด้านวัฒนธรรมเมื่อปี 2556 และได้ชื่อว่าเป็น “ฟาหลุนกงยุคใหม่” โดยฟาหลุนกงเป็นกลุ่มลัทธิที่ถูกรัฐบาลจีนแบน หลังจากมีการจัดการประท้วงใหญ่ขึ้นมาในกรุงปักกิ่ง ตามรายงานของสถานีวิทยุไชน่า เนชั่นแนล เรดิโอ ของทางการจีน ระบุว่า เมื่อเดือนมิถุนายน มีสมาชิกของซ่านซินฮุ่ยราว 2.3 ล้านคน ที่ไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนรวมเป็นเงินทั้งสิ้นหลายพันล้านหยวน และทำให้นายจาง ผู้ก่อตั้งและพนักงานของบริษัทหลายคนถูกจับกุมตัวข้อหาฉ้อโกงเงิน
รายงานระบุว่า ระบบแชร์ลูกโซ่มีเพิ่มมากขึ้นในประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีการเชื้อเชิญผู้คนผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ขณะที่เมื่อปี 2559 ตำรวจจีนได้ตรวจสอบพบแชร์ลูกโซ่รวมทั้งสิ้น 2,826 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2558 ถึงเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์