เมื่อวันที่ 10 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(เอ็นแอลดี)นำโดยนางออง ซาน ซูจี ผู้นำต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า ได้เสนอชื่อนายติน จ่อ อดีตคนขับรถและที่ปรึกษาใกล้ชิดของนางซูจี อายุ 69 ปี ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพม่าคนใหม่เพื่อแทนที่ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ที่กำลังจะหมดวาระลง
โดยนายขิ่น ซาน ฮเลง ส.ส.พรรคเอ็นแอลดี เป็นผู้เสนอชื่อนายติน จ่อ ตัวแทนจากพรรคเอ็นแอลดี ในที่ประชุมรัฐสภาพม่า ให้เป็นตัวแทนจากสภาผู้แทนราษฎรในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีร่วมกับผู้สมัครอีก 2 คนที่จะได้รับการเสนอชื่อจากวุฒิสภาและจากกองทัพพม่าที่ยังคงทรงอิทธิพลอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด
นายติน จ่อ สนิทสนมอย่างมากกับนางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคเอ็นแอลดี เนื่องจากเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกัน จากนั้นนายติน จ่อ เดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษและจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ดเช่นเดียวกับนางซูจี เมื่อเดินทางกลับมาได้ช่วยเหลือนางซูจีในการบริหารและดูแลมูลนิธิการกุศลของพรรคเอ็นแอลดี
ขณะที่ในช่วงเช้าก่อนหน้านี้นางซูจีออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ของพรรคเอ็นแอลดีระบุถึงการเลือกประธานาธิบดีพม่าว่า นี่เป็นก้าวสำคัญในการปฏิบัติตามความปรารถนาและความคาดหวังของผู้ลงคะแนนเสียงที่ให้การสนับสนุนแก่พรรคเอ็นแอลดี พร้อมยังร้องขอให้ประชาชนชาวพม่าให้การสนับสนุนเป้าหมายของพรรคอย่างสันติด้วย
ทั้งนี้ แม้นางซูจีจะนำพรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาไปอย่างถล่มทลาย แต่ชัยชนะดังกล่าวยังไม่สามารถทำให้นางซูจีก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ เนื่องจากติดอุปสรรคจากรัฐธรรมนูญฉบับที่กองทัพพม่าเป็นผู้ร่างซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่กำหนดห้ามบุคคลที่มีคู่สมรสหรือบุตรเป็นชาวต่างชาติขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงทำให้นางซูจีที่มีสามีผู้ล่วงลับและลูกชายถือสัญชาติอังกฤษไม่สามารถเป็นประธานาธิบดีได้ อย่างไรก็ตาม หลังคว้าชัยชนะนางซูจีประกาศกร้าวว่าตนเองจะอยู่เหนือประธานาธิบดีในการทำหน้าที่บริหารประเทศ
ก่อนหน้านี้มีกระแสคาดหมายถึงตัวบุคคลที่จะได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเอ็นแอลดีเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพม่าอยู่หลายคน ซึ่งรวมถึงนายติน จ่อ ที่ยังช่วยนางซูจีบริหารมูลนิธิของนางซูจีเองด้วย
ข่าวแจ้งว่า หลังสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาและกองทัพพม่าทำการเสนอชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 3 คนเป็นที่เรียบร้อย รัฐสภาพม่าจะทำการโหวตเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ โดยผู้สมัครที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนผู้สมัครที่เหลืออีก 2 คนจะได้เป็นรองประธานาธิบดี
