คอลัมน์ไฮไลต์โลก: แหล่งฟักนักรบไอเอส?

เรียงความยาว 12,000 คำ ของ ไซฟุล อานัม นักโทษที่ถูกจองจำอยู่ในคุกอินโดนีเซีย จากฐานความผิดเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ ที่ตีพิมพ์บนโลกออนไลน์ บอกเล่าถึงเรื่องราวของลูกชายตนเองวัยแค่ 11 ขวบ ที่เข้ามาบอกตอนมาเยี่ยมในเรือนจำว่าอยากออกจากโรงเรียน แล้วจะเดินทางไปซีเรียเพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส) อานัมบอกว่าได้ยินครั้งแรก ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าโจ๊กขำๆ ของเด็กที่พูดไปเรื่อย แต่หลังๆ เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ เมื่อเจ้าลูกชายตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังบอกว่า เพื่อนและครูหลายคนที่โรงเรียนไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสที่ซีเรียกันแล้ว และ “พวกเขาได้กลายเป็นผู้พลีชีพที่นั่น!”

อานัมบอกว่า ในที่สุดเขายอมให้ลูกชายไปซีเรียในช่วงปี 2558 โดยมีกลุ่มเพื่อนร่วมอุดมการณ์และญาติๆ อีกหลายคนช่วยจัดการให้ไปถึงซีเรีย

เรื่องราวของอานัมที่ถ่ายทอดผ่านโลกออนไลน์ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอินโดนีเซียว่าเป็นเรื่องจริง ที่สะท้อนให้เห็นภาพปัญหาที่น่าหวั่นใจว่าสถานศึกษาบางแห่งอาจกำลังกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิดหัวรุนแรงไปแล้วหรือไม่

อย่างที่รู้อินโดนีเซียเป็นชาติมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ส่วนใหญ่จะเป็นชนมุสลิมสายกลาง แต่เหตุความรุนแรงที่เกิดให้เห็นถี่ขึ้นในอินโดนีเซียในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะสาวกไอเอสชาวอินโดนีเซียที่เชื่อว่ามีเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศมากกว่า 1,200 คน และมีอีกราว 500 คนที่ทิ้งบ้านเกิดไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรียแล้ว

Advertisement

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า โรงเรียนที่ลูกชายของอานัมเรียนอยู่ก่อนไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย เป็นหนึ่งในโรงเรียนอิสลามที่เป็นโรงเรียนประจำราว 30,000 แห่งที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งมีการเรียนการสอนศาสนาอิสลามและวิชาการต่างๆ ทว่า สถานศึกษาเหล่านี้มีส่วนหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งและถูกใช้เป็นเครื่องมือบังหน้าในการเกณฑ์สาวกเข้าร่วมอุดมการณ์

กฎหมายและระบบบริหารราชการที่อ่อนแอถูกชี้ว่าเป็นปัจจัยเอื้อประการสำคัญที่ทำให้หนึ่งในสถาบันที่เป็นเสาหลักของสังคมตกอยู่ในความอ่อนไหว ให้กลายมาเป็นเครื่องมือของกลุ่มหัวรุนแรง ที่ย้อนมาบ่อนทำลายเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศชาติ

นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เป็นโจทย์ใหญ่ของผู้กุมอำนาจรัฐว่าจะหาทางป้องกันและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้กับสังคมและประเทศชาติอย่างไร…

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image