เมื่อวันที่ 26 กันยายน กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวหารัฐบาลพม่ากำลังก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากการรณรงค์ปราบปรามกลุ่มติดอาวุธมุสลิมในรัฐยะไข่ของพม่า ที่เป็นผลให้ชนกลุ่มน้อยชาวโรฮีนจาต้องอพยพหนีภัยความรุนแรงไปจากถิ่นอาศัยของตนเองในรัฐยะไข่
“การสังหารหมู่ชาวบ้านและวางเพลิงเผาที่ทำให้ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของพวกเขา เหล่านี้เป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” นายเจมส์ รอส ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและนโยบายของฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นสซี) รวมถึงประเทศที่มีความห่วงกังวลในปัญหานี้ดำเนินการคว่ำบาตรและห้ามการค้าอาวุธกับพม่า
นายซอ ฮเต โฆษกรัฐบาลพม่าออกมาปฏิเสธการกล่าวหาดังกล่าว โดยชี้ว่า ไม่เคยมีรัฐบาลพม่าชุดใดที่ส่งเสริมสิทธิ์ด้านต่างๆมากเหมือนกับรัฐบาลพม่าชุดนี้มาก่อน
ขณะที่มีรายงานว่า ในวันที่ 28 กันยายนนี้ สมาชิกยูเอ็นเอสซี 15 ชาติจะประชุมแบบปิดลับถึงปัญหาความรุนแรงในรัฐยะไข่ ตามที่มี 7 ชาตินำโดยสหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศส ร้องขอมา โดยจะมีนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น จะรายงานสรุปสถานการณ์ความรุนแรงในพม่าต่อที่ประชุมยูเอ็นเอสซีด้วย
ด้านนายฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) ออกมาตีสกัดไม่ให้รัฐบาลบังกลาเทศบังคับผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่หนีภัยความรุนแรงจากพม่าไปอยู่บนเกาะบาชานชาร์ ซึ่งเป็นเกาะร้างห่างไกลของบังกลาเทศ โดยยืนยันว่าการจะเคลื่อนย้ายผู้อพยพชาวโรฮีนจาไปอยู่บนเกาะดังกล่าว จะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ
