สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกโรงกระตุ้นบรรดาผู้นำของพม่าให้ยุติ “ฝันร้าย” ที่ผู้อพยพชาวโรฮีนจาซึ่งหนีการกวาดล้างของกองทัพพม่าต้องเผชิญ หลังจากที่เรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจากว่าร้อยคนคว่ำนอกชายฝั่งบังกลาเทศ ทำให้มีผู้จมน้ำเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 60 ราย และอีกจำนวนมากยังไม่ทราบชะตากรรม
ผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจามากกว่าครึ่งล้านคนหลั่งไหลเข้ามายังบังกลาเทศเมื่อเดือนที่แล้ว โดยหนีจากการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยมของกองทัพพม่าต่อกบฏติดอาวุธที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในหมู่บ้านทางตอนเหนือของรัฐยะไข่
ผู้อพยพจำนวนมากจมน้ำขณะพยายามข้ามแม่น้ำที่คั่นระหว่าง 2 ประเทศ ขณะที่ผู้รอดชีวิตไปได้ต้องเผชิญกับอันตรายในอีกรูปแบบหนึ่ง คือการแออัดยัดเยียดอยู่ในที่พักผู้ลี้ภัยที่สกปรก ขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำสะอาด
วิกฤตด้านมนุษยชนที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้นทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ต้องเรียกประชุมเรื่องพม่าเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี แม้ว่าชาติสมาชิกจะล้มเหลวในการบรรลุข้อมติร่วมก็ตาม
สหรัฐจวกกองทัพพม่าว่าพยายามที่จะ “ล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยให้หมดไปจากประเทศ” ขณะที่รัฐบาลจีนและรัสเซียเสนอความช่วยเหลือให้กับทางการพม่าที่ปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อข้อกล่าวหาว่า พม่ากำลังปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ในการกล่าวกับสมาชิกยูเอ็นเอสซี 15 ชาติ นายกูแตร์เรสเรียกร้องให้พม่ายุติปฏิบัติการทางทหารและเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่เกิดสงครามความขัดแย้งด้านตะวันของประเทศ
“สถานการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นวิกฤตฉุกเฉินด้านผู้ลี้ภัยที่มีพัฒนาการเร็วที่สุดของโลกในตอนนี้ เป็นฝันร้ายด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน” เลขายูเอ็นกล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้พลัดถิ่นจากความขัดแย้งได้รับการยินยอมให้กลับบ้าน
นายกูแตร์เรสตั้งข้อสังเกตว่า “ความรุนแรงแบบเป็นระบบ” อาจทำให้ความไม่สงบขยายวงมาทางตอนกลางของรัฐยะไข่ซึ่งจะส่งผลให้ชาวมุสลิม 250,000 คน ต้องพลัดจากถิ่นที่อยู่
อย่างไรก็ตาม พม่าได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากจีนและรัสเซียที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดและเป็นคู่ค้าสำคัญ โดยนายอู่ ไห่เถา ทูตจีนประจำยูเอ็นระบุว่า “ประชาคมนานาชาติจะต้องตระหนักถึงความยากลำบากที่รัฐบาลพม่าต้องเผชิญ ขอให้อดทนและให้ความช่วยเหลือ
ด้านนายวาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำยูเอ็นกล่าวว่า “เราต้องระมัดระวังมากๆ เมื่อพูดถึงเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
ทั้งนี้ ทางการพม่า ที่ได้สั่งห้ามเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของความรุนแรง ยินยอมที่จะให้คณะของยูเอ็นเข้าไปยังพื้นที่ขัดแย้งในสัปดาห์นี้ ทว่าสื่อของทางการพม่าระบุว่าการลงพื้นที่ต้องเลื่อนไปเป็นวันที่ 2 ตุลาคมเนื่องจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่
