คอลัมน์ไฮไลต์โลก: คุย-ไม่คุยเกาหลีเหนือ?

เอเอฟพี

ออกจะงงๆ กันสักหน่อยกับท่าทีของสหรัฐอเมริกาในการจัดการกับเกาหลีเหนือว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำที่เป็นการยั่วยุคุกคามสันติสุขโลก เพราะในขณะที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันกับนักข่าวที่กรุงปักกิ่งในระหว่างเยือนจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วอชิงตันกำลังใช้ช่องทางทางการทูตหยั่งเชิงดูท่าทีของคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนืออยู่ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะยอมลงนั่งโต๊ะเจรจาเพื่อหาแนวทางที่จะนำไปสู่การยินยอมพร้อมใจปลดอาวุธตนเองของเกาหลีเหนือได้หรือไม่ ก่อนที่จะมีการตัดสินใจบนทางเลือกที่ไม่มีใครอยากให้ใช้ นั่นคือ มาตรการทางทหาร

หากเพียงข้ามวัน โดนัลด์ ทรัมป์ จอมทัพสหรัฐ กลับทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ตนเองที่ทำให้ ทิลเลอร์สัน ต้องหน้าม้าน ด้วยการบอกว่า หัวหน้านักการทูตของสหรัฐกำลัง “เสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ” ในความพยายามจะไปเจรจากับระบอบปกครองคิม

บรรดานักวิจารณ์วงนอกและแวดวงอดีตนักการทูตในวอชิงตันมองว่า การทวีตข้อความนี้ของทรัมป์ไม่เพียงเป็นการปฏิเสธแนวทางที่หัวหน้าทีมกำกับดูแลนโยบายการต่างประเทศโดยเฉพาะของทรัมป์เองกำลังดำเนินความพยายามอยู่เท่านั้น หากแต่ยังทำให้ทิลเลอร์สันต้องอับอายขายขี้หน้า จนมีข่าวลือออกมาหนาหูขึ้นอีกว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้ทิลเลอร์สันตัดสินใจลาออกได้ เป็นสัญญาณรอยร้าวที่ปรากฏให้เห็นในการทำงานของทีมบริหารของทรัมป์ขึ้นอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ทีมงานในตำแหน่งสำคัญๆ ของรัฐบาลทรัมป์ลาออกหรือถูกปลดพ้นตำแหน่งไปหลายคนแล้ว

แต่ก่อนที่จะถูกตีความไปต่างๆ นานา ที่ปรึกษาของทิลเลอร์สันรีบออกมาดับกระแสข่าวเชิงลบในทันทีว่า สิ่งที่ทรัมป์ทวีตนั้นแค่เป็นการส่งสารจี้ไปถึงผู้นำเกาหลีเหนือว่าหมดเวลาที่เขาจะต้องตอบรับการเกริ่นนำเจรจาของทิลเลอร์สัน หรือไม่ก็จะเจอมาตรการตอบโต้ที่หนักขึ้นจากสหรัฐ

Advertisement

ก่อนที่ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวออกมาปิดทางเจรจากับเกาหลีเหนืออย่างห้วนๆ ว่า “เป็นที่ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเจรจา” โดยเหตุผลเดียวที่สหรัฐจะเจรจาด้วยกับรัฐบาลคิม คือ การเจรจาเพื่อให้เกาหลีเหนือปล่อยตัวเชลยชาวอเมริกัน 3 คนที่ยังถูกจองจำอยู่ในคุกเปียงยางเท่านั้น

จิม ชอฟ อดีตหัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์เกาหลีเหนือของเพนตากอน ให้ความเห็นถึงการทวีตข้อความดังกล่าวของทรัมป์ว่า เป็นการทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือของทิลเลอร์สัน เพราะในขณะที่พวกเขาเห็นพ้องในแนวนโยบายและการดำเนินยุทธศาสตร์ที่มีต่อเกาหลีเหนือ โดยยังเปิดทางให้มีการเจรจา อันเป็นนโยบายที่ตัวทรัมป์เองก็เป็นผู้อนุมัติรับรอง ทว่า สิ่งที่ทรัมป์ทวีตกลับเป็นสิ่งตรงกันข้ามและไปทำลายความน่าเชื่อถือนั้น

ตอนนี้คนวงนอกอย่างเราๆ คงได้แต่จับตาดูกันไปว่าที่สุดแล้วปัญหาพิพาทโลกแตกนี้จะลงเอยอย่างไร บนหนทางที่ไม่แน่นอน ที่จะเจรจา หรือไม่เจรจา ก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ข้ามทางเลือกที่จะนำไปสู่สงครามเท่านั้น!

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image