เจ้าหน้าที่ตำรวจบราซิล ระบุเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมาว่า มีประชาชนจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน ออกมาชุมนุมเพื่อขับไล่นางดิลมา รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง นับเป็นการประท้วงที่มีประชาชนออกมารวมตัวกันมากเป็นประวัติศาสตร์
กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งแต่งกายในสีเหลืองเขียว พร้อมตะโกน “ดิลมาออกไป!” รวมตัวกันทั่วประเทศเพื่อกดดันให้สภาคองเกรส เร่งดำเนินการถอดถอนนางดิลมา ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของการทุจริตอื้อฉาว และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี โดยจำนวนผู้ออกมาเดินขบวนประท้วงเป็นไปได้ว่าจะกระตุ้นผู้แทนในสภาคองเกรสที่ยังคงลังเลว่าจะสนับสนุนนางดิลมา ที่ถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกทีต่อไปหรือไม่
ในนครเซาเปาลู เมืองที่มีประชากรจำนวนมากที่สุดและเป็นฐานเสียงสำคัญของฝ่ายค้าน มีประชาชนจำนวนมากออกมารวมตัวกันที่จัตุรัสใจกลางเมือง โดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงนครเซาเปาลู ระบุว่ามีผู้ร่วมชุมนุมมากเป็นประวัติการณ์ถึง 1.4 ล้านคน อย่างไรก็ตามศูนย์วิจัยที่น่าเชื่อถืออย่างดาตาฟอลฮา คำนวณว่ามีผู้เข้าร่วมชุมนุมเพียง 500,000 คน แต่นั่นก็ยังนับเป็นจำนวนที่มากเป็นประวัติศาสตร์อยู่ดี
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติบราซิลระบุว่า มีผู้ชุมนุมในเมืองอื่นๆ อีกราว 1.3 ล้านคน ไม่รวมเซาเปาลู รวมถึงนครริโอเดจาเนโร รวมทั่วประเทศแล้วมีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 3.5 ล้านคน ขณะที่แกนนำผู้ประท้วงระบุตัวเลขที่มากกว่านี้ถึง 2 เท่า
ทั้งนี้ นางรุสเซฟฟ์ และพรรคแรงงาน ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่ออยู่ในอำนาจต่อไป หลังต้องเผชิญกับการตรวจสอบการรับสินบนครั้งใหญ่ รวมถึงการยักยอกเงินอื้อฉาวจากบริษัท เปโตรบราส บริษัทน้ำมันของรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดที่ถูกอัยการสูงสุดพุ่งเป้าดำเนินคดีคือ ที่ปรึกษาคนสำคัญในพรรคแรงงานของนางรุสเซฟฟ์ อดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ในข้อหาฟอกเงิน ข้อหาซึ่ง ลูลา ปฏิเสธอย่างแข็งขัน ขณะที่รุสเซฟฟ์ ยังเป็นผู้รับผิดชอบต่อภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง โดยเศรษฐกิจบราซิลตกต่ำลง 3.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2558 ส่งผลให้บราซิลถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง
