สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันที่ 15 มีนาคมว่า รัสเซียเริ่มถอนยุทโธปกรณ์ออกจากซีเรียแล้ว โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “เจ้าหน้าที่เทคนิคที่ฐานทัพอากาศคเมมีม ได้เริ่มต้นเตรียมเครื่องบินสำหรับบินทางไกลกลับมายังรัสเซียแล้ว โดยยุทธโธปกรณ์ดังกล่าวจะถูกขนส่งกลับมากับเที่ยวบินเหล่านี้”
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียประกาศเมื่อคืนวันที่ 14 มีนาคมว่า รัสเซียเตรียมถอนกำลังทหาร “ส่วนใหญ่” ของตนออกจากซีเรีย เป็นการยุติปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่เป็นข้อถกเถียงอย่างมาก
ย่างก้าวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามซึ่งดำเนินมา 5 ปีแล้ว กำลังมีขึ้นในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และคาดว่าจะสร้างแรงกดดันให้กับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรียที่เป็นพันธมิตรยาวนานของรัสเซียในการเจรจาต่อรองเพื่อหาทางยุติสงคราม
นายปูตินกล่าวว่า ตนหวังว่าการถอนทหารออกมาจะเป็นการ “ส่งสัญญาณที่ดี” สำหรับทุกฝ่ายที่ร่วมสู้รบอยู่ในความขัดแย้งนี้
นายอิสมาเอล กัสปาร์ มาร์ตินส์ ทูตอังโกลาประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ปฏิบัติหน้าที่ประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ระบุว่า ยูเอ็นเอสซีมองว่า การตัดสินใจของรัสเซียในการเริ่มต้นถอนทหารออกมาจากซีเรียเป็นย่างก้าวในทางบวก
ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า “ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐได้หารือกับนายปูตินแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศแผนการที่น่าประหลาดใจดังกล่าว โดยระบุว่าผู้นำทั้ง 2 มีการหารือกันในเรื่องย่างก้าวต่อไปที่จำเป็นต้องยุติความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันโดยสิ้นเชิง”
