เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจปราบจลาจลกัมพูชานำกำลังปิดล้อมพื้นที่โดยรอบศาลฎีกาในกรุงพนมเปญ ตั้งแต่ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในขณะที่ศาลฎีกาจะมีคำตัดสินว่าจะสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ ท่ามกลางเสียงท้วงเตือนของกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่ชี้ว่าหากศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพรรคซีเอ็นอาร์พีมีความผิดตามแรงกดดันจากรัฐบาลสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็อาจจะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในปี 2561 ขาดความน่าเชื่อถือได้
การไต่สวนคดียุบพรรคซีเอ็นอาร์พีที่มีขึ้นตามการยื่นฟ้องของรัฐบาลกัมพูชา ถูกมองว่าเป็นการเดินเกมรุกครั้งสุดท้ายของสมเด็จฯฮุน เซนเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจนแต้มขณะที่กัมพูชาจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในปีหน้า และมีขึ้นหลังจากได้มีการจับกุมดำเนินคดีนายเขม โสกา หัวหน้าพรรคซีเอ็นอาร์พี ในข้อหากบฎสมคบกับต่างชาติเพื่อล้มล้างรัฐบาล ซึ่งหากศาลฎีกาตัดสินสั่งยุบพรรค จะทำให้ส.ส.พรรคซีเอ็นอาร์พีกว่าร้อยคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
นายมู โซชัว ที่เป็นหนึ่งในส.ส.พรรคซีเอ็นอาร์พีหลายสิบคนที่ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนหน้านี้แล้วหลังจากทางการกัมพูชาจับกุมหัวหน้านายเขม โสกา ได้ส่งข้อความสั้นถึงสำนักข่าวเอเอฟพีแสดงความเห็นว่าการตัดสินยุบพรรคจะถือเป็นการสิ้นสุดของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศกัมพูชา ด้านกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้คณะผู้พิพากษาต่อสู้แรงกดดันจากรัฐบาลที่บีบให้ยุบพรรคฝ่ายค้าน โดยชี้ว่าแม้เป็นที่รับรู้ว่าศาลฎีกาเป็นองคาพยพหนึ่งของพรรครัฐบาล แต่นี่เป็นโอกาสแห่งประวัติศาสตร์ที่จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระของศาลและเป็นการค้ำจุนหลักนิติรัฐ
