สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มผู้สนับสนุนนางดิลมา รุสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิลวัย 68 ปี ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนเมื่อวันที่ 18 มีนาคม เพื่อเป็นการหนุนหลังและแสดงพลังในการต่อสู้กับวิกฤตการเมืองที่เป็นภัยคุกคามจนอาจทำให้เธอต้องพ้นจากตำแหน่ง
ข่าวระบุว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสงเพื่อหยุดยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงที่โกรธแค้นและเรียกร้องให้นางรุสเซฟฟ์ลาออกเมื่อเย็นวันที่ 17 มีนาคม กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่ายซ้ายของนางรุสเซฟฟ์ได้เคลื่อนไหวเพื่อเป็นการแสดงพลังตอบโต้โดยเรียกร้องให้มีการเดินขบวนในกว่า 30 เมืองทั่วประเทศ เพื่อหนุนหลังนางรุสเซฟฟ์ หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วมีผู้ออกมารวมตัวขับไล่รัฐบาลจำนวนมากกว่า 3 ล้านคน
การเรียกชุมนุมเพื่อแสดงพลังสนับสนุนนางรุสเซฟฟ์มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ 1 วัน เกิดการต่อสู้ทางการเมืองขึ้น โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติกลุ่มหนึ่งพยายามผลักดันกระบวนการยื่นถอดถอนนางรุสเซฟฟ์ออกจากตำแหน่งอีกครั้ง ขณะเดียวกันศาลได้มีคำสั่งยับยั้งความพยายามของนางรุสเซฟฟ์ที่จะแต่งตั้งนายลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา อดีตประธานาธิบดีบราซิลคนก่อนหน้าเข้าเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี
นายลูลาวัย 70 ปี ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีบราซิล เป็นความพยายามของนางรุสเซฟฟ์ที่จะปกป้องไม่ให้นายลูลาถูกแจ้งข้อหาคอร์รัปชั่นโดยใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะรัฐมนตรี แต่ผู้พิพากษาในกรุงบราซิเลีย ได้ออกคำสั่งยับยั้งการแต่งตั้งนายลูลาเข้ารับตำแหน่งจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น
คำสั่งยับยั้งดังกล่าวได้รับการยกเลิกไปหลังจากฝ่ายนางรุสเซฟฟ์ยื่นอุทธรณ์ ทว่าศาลรัฐบาลกลางในนครรีโอเดจาเนโรได้รับคำฟ้องร้องอีกคดีที่ขอให้สกัดกั้นการแต่งตั้งนายลูลา ซึ่งนางรุสเซฟฟ์กล่าวหาว่าเป็นการกระทำของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่จะก่อรัฐประหารเธอ
นางรุสเซฟฟ์และพันธมิตรต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นและความไม่พอใจต่อการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างรุนแรงและยาวนาน โดยความเสียหายล่าสุดของนางรุสเซฟฟ์เกิดขึ้นหลังจากมีการเผยแพร่หลักฐานล่าสุดในเรื่องอื้อฉาว นั่นคือบันทึกบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่บ่งชี้ว่านางรุสเซฟฟ์รู้เห็นเป็นใจกับนายลูลาในเรื่องทุจริตที่ถูกกล่าวหา
