เมื่อวันที่ 20 มีนาคม เว็บไซต์ซินหัวเน็ต รายงานว่า กล่องดำของเครื่องบินโดยสารของสายการบินฟลายดูไบ สายการบินต้นทุนต่ำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ประสบเหตุตกที่เมืองรอสทอฟ-ออน-ดอน ตอนใต้ของประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาและทำให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้ง 62 คนเสียชีวิตทั้งหมด พบว่าอยู่ในสภาพที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยแถลงการณ์ของคณะกรรมการการบินระหว่างรัฐ (ไอเอซี) ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญของไอเอซี รวมทั้งจากยูเออีและฝรั่งเศส ได้เริ่มทำการตรวจสอบและนำหน่วยความจำออกจากกล่องดำที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนที่จะนำไปทำสำเนาข้อมูลที่ได้จากกล่องดำต่อไป โดยคาดว่าการเตรียมการเพื่อวิคราะห์ข้อมูลที่ได้จากกล่องดำจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกันนี้
ด้านสำนักข่าวสปุตนิคของรัสเซียรายงานว่า เรื่องสาเหตุของการตกของเครื่องบินนั้น ทางการรัสเซียตัดประเด็นเรื่องการก่อการร้ายออกไป โดยนางออคซานา คอฟริซนายา โฆษกคณะกรรมาธิการสอบสวน เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่มุ่งไปที่ 3 ประเด็นที่เป็นไปได้ตอนนี้คือ เรื่องของเทคนิค , สภาพอากาศและความผิดพลาดของมนุษย์ ซึ่งต้องใช้เวลาในการสอบสวนอย่างน้อย 2 เดือน ตามกฎหมายของรัสเซีย แต่อาจจะใช้เวลายาวนานกว่านั้น
ด้านนายเกธ อัล-เกธ ซีอีโอของฟลายดูไบ เปิดเผยว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุถึงสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตก แต่ตัดประเด็นเรื่องการมีระเบิดอยู่บนเครื่องบินออกไปได้เลย และขอให้รอข้อมูลที่จะได้จากกล่องดำของเครื่องบิน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป โดยเจ้าหน้าที่พบกล่องดำของเครื่องบินทั้ง 2 กล่องแล้ว
ขณะที่มีรายงานว่า ข้อมูลสภาพอากาศบริเวณสนามบินพบว่า ขณะเกิดเหตุมีลมพัดแรงอยู่ที่ 97 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีฝนตกลงมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินของรัสเซียระบุว่า มีภาวะลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในช่วงที่เครื่องบินฟลายดูไบตก แม้ว่ากระแสลมในระดับพื้นไม่ได้มีความเร็วสูงจนเกิดอันตราย โดยก่อนหน้าเครื่องบินฟลายดูไบตกไม่กี่นาที ก็มีเครื่องบิน 2 ลำลงจอดที่สนามบินได้แล้ว 2 ลำ แต่มีเครื่องบินอีกลำหนึ่งที่เปลี่ยนสนามบินลงจอดเนื่องจากพยายามลงจอด 3 ครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ