สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานกองทุนสำรองแห่งรัฐ หรือธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอไม่เชื่อว่าการเพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างมากของตลาดหุ้นวอลสตรีทในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จะถือเป็นปรากฏการณ์ “ฟองสบู่” แต่อย่างไรก็ตาม เธอได้เตือนให้นักลงทุนอยู่ในความระมัดระวัง
นางเยลเลนที่จะพ้นตำแหน่งในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ และถูกแทนที่ด้วยนายเจอโรม พาวเวลล์ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ กล่าวแสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์พีบีเอส ก่อนที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์จะปิดลดลงมากกว่า 650 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559
“ดิฉันไม่ต้องการที่จะระบุสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นฟองสบู่ แต่คงต้องบอกว่ามูลค่าของสินทรัพย์โดยทั่วไปนั้นเพิ่มขึ้น” นางเยลเลนกล่าว และแนะนำนักลงทุนว่า “ให้ระมัดระวังในการกระจายการลงทุนให้หลากหลาย”
มูลค่าของตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 30% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานในเดือนมกราคมดีกว่าที่คาดไว้ นำไปสู่การร่วงลงครั้งใหญ่ของวอลสตรีท
เมื่อถูกถามถึงสภาพเศรษฐกิจสหรัฐ นางเยลเลนกล่าวว่า หลายสิ่งหลายอย่างดูแข็งแกร่ง และเน้นไปที่ตลาดแรงงานว่า “ค่าแรงจะค่อยๆ เริ่มเพิ่มขึ้น”
เศรษฐกิจสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่ม 200,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.1% ซึ่งต่ำสุดในรอบมากกว่า 17 ปี
ขณะที่เมื่อถามถึงการตัดสินใจของนายทรัมป์ที่ไม่ต่ออายุให้เธอดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 เป็นเวลา 4 ปีที่เฟด นางเยลเลนวัย 71 ปี ยอมรับว่า เธอรู้สึกผิดหวัง
ดิฉันต้องการดำรงตำแหน่งต่ออีกวาระและได้แสดงความชัดเจนในเรื่องนี้” นางเยลเลนกล่าวเป็นครั้งแรกในกรณีนี้
นางเยลเลนได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟด โดยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2555 นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ขณะที่นายพาวเวลล์ผู้มาแทน เป็นอดีตวาณิชธนากร สมาชิกพรรครีพับลิกัน เป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ซึ่งมีไม่บ่อยครั้งนัก
