คอลัมน์ โกลบอลโฟกัส: ‘เอชบอมบ์’ ของคิม กับความผิดพลาดของสหรัฐ!

REUTERS/Maxim Shemetov

ข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งประการหนึ่งเกี่ยวกับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็คือ เกาหลีเหนือทำอย่างไรถึงพัฒนาระบบอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองได้เร็วมาก เร็วอย่างเหลือเชื่อ ความรุดหน้าของโครงการอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้การกำกับของ คิม จองอึน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รวดเร็วถึงระดับเป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ได้เลยทีเดียว

ในช่วงเวลาสั้นๆ ดังกล่าว เกาหลีเหนือไม่เพียงก้าวข้ามจากการครอบครองระเบิดนิวเคลียร์ธรรมดาทั่วไปสู่การเป็นผู้ครอบครอง “โน-ฮาว” ในการผลิต “เอช-บอมบ์” ระเบิดนิวเคลียร์อานุภาพสูงกว่าได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังขยับการพัฒนาขีปนาวุธของตนอย่างรวดเร็ว จากระยะสั้น เป็นระยะปานกลาง และในที่สุดก็สามารถแสดงให้เห็นว่า สามารถสร้างขีปนาวุธที่มีพิสัยทำการครอบคลุมเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกาได้ทุกเมือง

ซึ่งนั่นมีนัยเดียวกันกับคำกล่าวที่ว่า เกาหลีเหนือ สามารถส่งนิวเคลียร์ของตนไปถล่มเป้าหมายใดๆ ในโลกนี้ได้แล้ว หากต้องการ

คิม จองอึน ทำได้อย่างไร?

Advertisement

รายงานยาวเหยียดของ เดวิด อี. แซงเกอร์ กับ วิลเลียม เจ. บรอด ที่เผยแพร่ใน นิวยอร์ก ไทมส์ เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ให้คำตอบบางส่วนของคำถามนี้ไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

สรุปความสั้นๆ ได้ว่า ผู้สื่อข่าวของนิวยอร์ก ไทมส์ ทั้งสอง แสดงให้เห็นว่า พัฒนาการความเร็วสูงของระบบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นไปได้ เพราะความผิดพลาด บกพร่องของหน่วยข่าวกรองทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา

หน่วยข่าวอเมริกัน ประเมินขีดความสามารถของเกาหลีเหนือต่ำไป ประเมินความมุ่งมั่นของ คิม จองอึน ต่ำไป นำไปสู่สิ่งที่เจ้าหน้าที่อเมริกันในแวดวงการข่าวทั้งในอดีตและปัจจุบันยอมรับกันว่า “เป็นหนึ่งในความล้มเหลวด้านการข่าวที่มีนัยสำคัญที่สุด” ของสหรัฐอเมริกา

Advertisement

การข่าวอเมริกัน ไม่เพียงล้มเหลวในการประเมินขั้นสุดท้ายของพัฒนาการอาวุธมหาประลัยนี้เท่านั้น หากยังผิดพลาดบกพร่องเป็นระยะๆ ตลอดตามรายทางของการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ
นำไปสู่ภาวะยุ่งยาก สับสน และกดดันของรัฐบาลอเมริกันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้อยู่ในเวลานี้

ผลลัพธ์ของการดำเนินการต่อเกาหลีเหนือของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ จนถึงขณะนี้ ทำให้ข้อมูลที่ได้จากการบอกเล่าของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวหลายคนของนิวยอร์ก ไทมส์ น่าเชื่อถือไม่น้อย

แม้ว่า ไบรอัน พี. เฮล โฆษกประจำสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ จะออกมาแถลงปฏิเสธอย่างเป็นทางการก็ตาม

 

 

ตอน โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี คำบอกเล่าจากผู้รับผิดชอบในการประมวลและวิเคราะห์ข่าวกรองจากหน่วยงานการข่าวทั้งหมดของประเทศก็คือ สหรัฐอเมริกา ยังคงมีเวลาเหลือเฟือ สำหรับการชะลอ หรือยุติพัฒนาการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

เวลายังมีมาก…อาจมากถึง 4 ปี ก่อนที่ระบบขีปนาวุธของ คิม จองอึน จะมีศักยภาพเพียงพอต่อการโจมตีเมืองใดเมืองหนึ่งของสหรัฐ

เกาหลีเหนือยังคงเจอปัญหายุ่งยากอยู่หลายประการ นั่นคือเหตุผล ปัญหายุ่งยากที่ทำให้ ทรัมป์ มีเวลาพอเพื่อไตร่ตรองว่าควรจะใช้ยุทธวิธีใดจัดการกับปัญหานี้ เจรจาต่อรอง หรือ ตอบโต้

ประมาณการที่ชัดเจนก็คือ กว่านิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะโจมตีสหรัฐได้ ก็ต้องเป็นในปี 2020 อาจบางทีเนิ่นช้ากว่านั้น เป็นปี 2022 ด้วยซ้ำไป

ปี 2016 คิม จองอึนทดลองขีปนาวุธพิสัยกลาง “มูซูดาน” ถี่ยิบถึง 8 ครั้งก็จริง แต่ 7 ใน 8 ครั้ง ล้มเหลวใหญ่หลวงเพราะระเบิดแหลกอยู่ตรงฐานยิงเท่านั้น

เกาหลีเหนือ ทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินอีก 5 ครั้งในห้วงเวลาสั้นๆ นั้น แต่ตามความเชื่อของหน่วยข่าวอเมริกัน ยังคงอยู่ห่างจากการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ที่เรียกกันว่า ไฮโดรเจน บอมบ์ หรือ เอชบอมบ์อีกหลายปี

หลังจากการประเมินดังกล่าวนั้นเพียงไม่กี่เดือนต่อมา ข้อเท็จจริงจากการทดลองของเกาหลีเหนือก็แสดงให้เห็นว่า งานวิเคราะห์แล้วประเมินสถานการณ์ของหน่วยข่าวอเมริกันผิดพลาดแล้ว

วิเคราะห์ผิด ประเมินผิด เนื่องเพราะหน่วยข่าวกรองอเมริกัน ไม่ล่วงรู้ว่า ควบคู่ไปกับการทดลองที่ล้มเหลว คิม จองอึน สั่งการให้ดำเนินโครงการคู่ขนานอีกโครงการหนึ่งไปพร้อมๆ กัน เป็นโครงการที่พัฒนาเครื่องยนต์จรวดจากเทคโนโลยีขีปนาวุธเดิมของสหภาพโซเวียต อายุเก่าแก่ร่วมสิบปี เก่าแต่ยังประสบผลสำเร็จ
โครงการพัฒนา “มูซูดาน” ถูกสั่งยกเลิกโดยพลัน

ถึงปี 2017 คิม จองอึน ผู้นำประเทศที่อายุน้อยที่สุดในโลกผู้หนึ่ง ประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถยิงถึง กวม แล้วก็ต่อด้วยขีปนาวุธที่ยิงถึงชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาได้ แต่ยังไม่ยุติ
การทดลองครั้งสุดท้าย แสดงให้เห็นว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ มีศักยภาพเพียงพอต่อการโจมตี วอชิงตัน ดี.ซี.แล้ว

อันที่จริง “ฮวาซง-15” มีพิสัยทำการถึง 8,100 ไมล์ ครอบคลุมทุกเมืองในสหรัฐอเมริกา!

ยิ่งกว่านั้น เมื่อถึงวันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน คิม อำนวยการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ในแหล่งทดลองใต้ดิน อำนาจระเบิดถึงกับก่อให้เกิดแผ่นดินไหวย่อมๆ ขึ้นตามมา

ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายลังเลอยู่นานไม่น้อย แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่า นั่นอาจบางทีเป็น “เอชบอมบ์” ตามคำกล่าวอ้างของคิม จองอึน

เป็นเอชบอมบ์ขนาดไม่ใหญ่โตนัก แต่ยังมีพลานุภาพสูงกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ถล่มฮิโรชิมาราว 15 เท่าตัว

แม้แต่ ริชาร์ด แอล. การ์วิน ผู้ออกแบบหลักของ เอชบอมบ์ ลูกแรกของโลกชาวอเมริกัน ยังยอมรับว่าข้อสรุปดังกล่าวเป็นไปได้ เกาหลีเหนือพัฒนาเอชบอมบ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทดลองแล้วทดลองอีก ทางหนึ่งเป็นเพราะเกาหลีเหนือ “รุดหน้าอย่างใหญ่หลวง” ในการพัฒนาการสร้างแบบจำลองในคอมพิวเตอร์

อีกทางหนึ่งเป็นเพราะเกาหลีเหนือมี “กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีนิวเคลียร์กลุ่มเล็กๆ ที่อุทิศตัวทุ่มเทกับเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวตลอดเวลา”

นั่นคือข้อเท็จจริงที่หน่วยข่าวอเมริกันไม่รู้ และนำมาซึ่งความผิดพลาดในการประเมิน ผิดพลาดอย่างร้ายแรง

 

 

ความผิดพลาดในการวิเคราะห์และประเมินการข่าว เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงในทางตรงกันข้าม สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ความสับสน ลุกลี้ลุกลน ต่างคนต่างพูดไปคนละทิศคนละทาง ที่เห็นได้ชัดเจน เมื่อทีมงานด้านความมั่นคงของทรัมป์ เผชิญเข้ากับวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ เร็วและรุนแรงเกินความคาดหมาย
อันที่จริง เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวระดับสูงอเมริกันหลายคนบอก นิวยอร์ก ไทมส์ ตรงกันว่า พวกเขา “ลงทุนมหาศาลนัก” เพื่อให้ได้ข่าวกรองเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ยอมรับในเวลาเดียวกันว่า ถึงอย่างนั้น พวกเขายังผิดพลาดใหญ่หลวงในการสรุปความในประเด็นที่เป็นหัวใจของเรื่อง 2 ประการ

หนึ่งคือ พวกเขาประเมินขีดความสามารถของเกาหลีเหนือในการ “เข้าถึงระบบการจำลองแบบในคอมพิวเตอร์ระดับก้าวหน้า” ต่ำไปกว่าความเป็นจริงมาก แถมยังไม่คาดคิดว่า เกาหลีเหนือจะล่วงรู้และได้รับสิ่งที่เป็น “ความชำนาญพิเศษ” ของต่างชาติในเรื่องนี้

อีกหนึ่งก็คือ พวกเขาประเมิน คิม จองอึน ผิดไปมากเช่นเดียวกัน

คิม จองอึน อายุยังน้อย ขาดประสบการณ์ทั้งทางการปกครอง ทางทหาร ขาดทั้งศรัทธาและบารมีที่ผู้เป็นพ่อและปู่เคยมี ระดับสูงของแกนนำเปียงยางในตอนแรกไม่ยอมรับด้วยซ้ำไป

แต่ผู้นำอายุเยาว์ที่รับตำแหน่งใหม่หมาดเมื่อปลายปี 2011 รายนี้มีสิ่งที่ผู้นำก่อนหน้าไม่มี นั่นคือความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะต้องครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ให้จงได้ ไม่เช่นนั้นเกาหลีเหนือไม่มีวันได้ทุ่มเทความสนใจให้กับการพัฒนาอื่นใดอีก

ลำดับความสำคัญของการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในยุคของ คิม จองอึน จึงมีมากกว่า สูงกว่า และเร่งด่วนกว่า ยุคสมัยของคิมผู้พ่อและผู้เป็นปู่มากมายนัก

คิม อิลซุง กับ คิม จองอิล พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจา แต่คิม จองอึน คิดต่างออกไป ในวิสัยทัศน์ของผู้นำหนุ่ม โครงการนิวเคลียร์ ต้องเร่งด่วนและจำเป็นถึงขีดสุด ทำนองเดียวกับเมื่อครั้งสหรัฐอเมริกา ระดมสรรพวิทยาการเพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกๆ ของโลกขึ้นมาภายใต้โครงการ “แมนฮัตตันโปรเจกต์”

สำหรับคิม จองอึน ระเบิดนิวเคลียร์คือหลักประกันของชีวิตและความเป็นรัฐชาติอิสระของเกาหลีเหนือ

 

 

เกาหลีเหนือ อาจไม่สามารถระดมสรรพกำลังเร่งรัดโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตนได้รวดเร็วขนาดนี้ หากการข่าวของสหรัฐอเมริกามีประสิทธิภาพมากกว่านี้ อย่างน้อยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรองอเมริกันหลายคนก็ยอมรับกับ นิวยอร์ก ไทมส์ เช่นนั้่น

ไม่ใช่ต้องรอให้เห็นขีปนาวุธข้ามทวีปที่ประสบผลสำเร็จในการทดลองของเกาหลีเหนือแล้วเท่านั้น จึงสามารถบอกได้ว่า นั่นเป็นการพัฒนาจากพื้นฐานของขีปนาวุธในยุคสหภาพโซเวียต

สหภาพโซเวียตล่มสลาย กลายเป็นรัสเซียและอีกหลายรัฐ เมื่อปี 1991 ตอนนั้น นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์จำนวนหนึ่งแห่กันมาทำงานที่ตนถนัดให้กับเกาหลีเหนือ อีกส่วนหนึ่งถูกรัสเซียสกัดไว้ แต่หน่วยข่าวอเมริกันเชื่อว่า กลุ่มคนพวกนี้ยังคงทำงานให้กับเกาหลีเหนือจากภายนอกประเทศ อย่างน้อยก็เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่ได้รับ

กระนั้น หน่วยข่าวอเมริกันยังเชื่อว่า ทางการรัสเซียในปัจจุบัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือโดยตรง

ข้อมูลที่ต้องการเหล่านี้ บางที เพียงแค่บรรจุไว้ใน ธัมป์ไดรฟ์ หนึ่งตัวเท่านั้นก็มหาศาลแล้ว

แหล่งที่ส่งผ่านองค์ความรู้ที่ต้องการเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ส่วนหนึ่งก็คือ สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ
สถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตกเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของสิ่งที่ คิม จองอึน ต้องการเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นถึง “เหลี่ยมคู” ที่เหนือกว่าหน่วยข่าวอเมริกัน นี่ไม่ใช่หนแรกที่แวดวงการข่าวอเมริกัน “หน้าแตก” เพราะผิดพลาดบกพร่องเรื่องนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

แฟ้มเอกสารที่ถูกปลดชั้นความลับแล้วเมื่อไม่นานมานี้ของซีไอเอ แสดงให้เห็นว่าในตอนต้นทศวรรษ 1980 เกาหลีเหนือกำลังพยายามก่อสร้างเตาปฏิกรณ์ปรมาณู เพื่อผลิต พลูโตเนียม สารกัมมันภาพรังสี ที่สามารถใช้เป็นทั้งเชื้อเพลิงขีปนาวุธ และเป็นตัวเชื้อเพลิงในระเบิดนิวเคลียร์

อีก 6 ปีให้หลัง เกาหลีเหนือไม่เพียงไม่มีเตาปฏิกรณ์พลูโตเนียม แต่ประสบความสำเร็จในการสร้างเตาปฏิกรณ์ผลิตยูเรเนียมแทน หน่วยข่าวอเมริกันในยามนี้เชื่อว่า นั่นเกิดจาก “การถ่ายโอนเทคโนโลยี” ที่เกาหลีเหนือได้รับจากนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์จากโซเวียต ซึ่งฝ่ายอเมริกันไม่รู้

ตอนนี้เชื่อกันว่า ระเบิดนิวเคลียร์หลายลูกของเกาหลีเหนือใช้ ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิง
ปี 2006 สหรัฐอเมริกาไม่รู้ระแคะระคายเลยแม้แต่น้อยว่าเกาหลีเหนือกำลังจะทดลองระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกของตน หน่วยข่าวอเมริกันได้ข้อมูลนี้ล่วงหน้าเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมงก่อนการระเบิด…ได้รับข้อมูลจากทางการจีน

ปี 2010 เกาหลีเหนือเชื้อเชิญ ซิกฟรีด เอส. เฮคเกอร์ อดีตผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอส อลามอส ไปเยือนยองบยอน ถึงได้รู้ว่า ภายในอาคารเก่าแก่ที่นั่น คือเตาปฏิกรณ์สำหรับใช้ผลิตยูเรเนียมเข้มข้น “วีพพอนเกรด” ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งๆที่ อาคารแห่งนั้นถูกดาวเทียมจารกรรมและหน่วยข่าวอเมริกันจับตาอยู่เป็นปกติวิสัย

แม้กระทั่งการที่เกาหลีเหนือ ช่วยซีเรียก่อสร้างโรงผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ เหมือนกับอาคารที่ยองบยอนชนิดถอดแบบกันออกมา ห่างจากชายแดนอิรักที่สหรัฐอเมริกายึดครองอยู่เพียง 160 กิโลเมตร หน่วยข่าวอเมริกันก็ไม่ล่วงรู้ ตราบจนกระทั่ง หัวหน้ามอสสาด หน่วยข่าวอิสราเอล เดินเข้าไปในทำเนียบขาว แสดงภาพถ่ายโรงงาน และ ภาพหัวหน้าแผนกผลิตเชื้อเพลิงของเกาหลีเหนือ ที่โรงงานแห่งนั้น

ที่สำคัญก็คือ จนถึงขณะนี้ หน่วยข่าวอเมริกันยังไม่แน่ใจเลยว่า เกาหลีเหนือครอบครองอาวุธนิวเคลียร์อยู่มากน้อยเท่าใด

มีบ้างประเมินว่า 20-30 มีบ้างเชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 50 หัวรบ

สำหรับคนทั่วไป มีเท่าใดไม่สำคัญ แต่สำหรับประเทศที่จะโจมตีประเทศที่ครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งยวด

ไม่เพียงสำคัญกับการโจมตีเพื่อทำลายอาวุธประลัยนี้ให้หมดสิ้นเท่านั้น ยังสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำให้แน่ใจว่า ระเบิดนิวเคลียร์ เหล่านั้นไม่พลัดหลงไปอยู่ในมือของประเทศอื่น หรือกลุ่มผู้ก่อการร้ายอื่นใด

แม้แต่เรื่องนี้หน่วยข่าวอเมริกันยังไม่แน่ใจ ยังไม่ชัดเจนอย่างยิ่งในขณะนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image