เมื่อวันที่ 26 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีและบีบีซีรายงานว่า อัยการเบลเยียมยืนยันมือระเบิดฆ่าตัวตายรายที่ 2 ที่ร่วมก่อเหตุโจมตีสนามบินซาเวนเต็ม ในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย บาดเจ็บกว่า 300 คนนั้นคือ นายนาจิม ลาชราอุย ที่ยังมีความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 รายด้วย โดยพบดีเอ็นเอของนายลาชราอุยอยู่ที่เสื้อกั๊กติดระเบิดและบนชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่พบที่หอดนตรีบาตาคล็อง และพบในระเบิดที่กลุ่มคนร้ายวางไว้บริเวณสนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์ หนึ่งในพื้นที่ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายลงมือโจมตีกรุงปารีสในวันดังกล่าว ส่วนมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสนามบินซาเวนเต็มอีกรายที่มีการยืนยันแล้วคือ นายอิบราฮิม เอล บาคราอุย มือประกอบระเบิดหัวแถวของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ที่ยังมีชื่ออยู่ในบัญชีจับตาของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกา ส่วนมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีสถานีรถไฟใต้ดินมัลบีคในกรุงบรัสเซลส์ คือ นายคาหลิด เอล บาคราอุย น้องชายของนายอิบราฮิม
โดยขณะนี้ทางการเบลเยียมยังกำลังล่าตัวผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์ครั้งนี้โดยตรงคือ ชายสวมเสื้อสีอ่อนและหมวกที่เดินมาพร้อมกับนายอิบราฮิม ที่ปรากฎอยู่ในกล้องซีซีทีวีของสนามบินซาเวนเต็ม และอีกรายเป็นชายที่พูดคุยกับนายคาหลิดที่ปรากฎอยู่ในกล้องซีซีทีวีที่สถานีรถไฟมัลบีคช่วงก่อนเกิดเหตุโจมตี
ทั้งนี้ ทางการเบลเยียมได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์ครั้งนี้ ในช่วงวันที่ 24-25 มีนาคมที่ผ่านมารวมแล้ว 9 คน ส่วนนายซาเลาะห์ อับเดสลาม ผู้ต้องสงสัยโจมตีกรุงปารีส ที่ถูกทางการเบลเยียมจับกุมตัวได้เพียง 4 วันก่อนหน้าจะเกิดเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์นั้น ได้”ขอใช้สิทธิไม่พูด” และ ไม่พูดและไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนของเบลเยียมอีกหลังจากเกิดเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์
ขณะที่การรวมตัวกันของชาวมุสลิมในเบลเยียมในระหว่างประกอบพิธีทางศาสนาที่มัสยิดใหญ่ในกรุงบรัสเซลส์ ได้มีการประกาศจะต่อสู้กับความรุนแรง โดยโต๊ะอิหม่ามของมัสยิดแห่งนี้กล่าวถึงเหตุโจมตีกรุงบรัสเซลส์ว่า อาชญากรได้ก่ออาชญากรรมอันป่าเถื่อน เราจะบอกให้พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาอิสลามเลย และว่า ถึงเวลาแล้วที่วันนี้จะเริ่มดำเนินการต่อต้านความรุนแรง
ส่วนที่กรุงปารีส ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวเตือนว่า เครือข่ายนักรบญิฮาดที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีกรุงปารีสและกรุงบรัสเซลส์กำลังจะถูกทำลาย ทว่ายังมีเครือข่ายอื่นๆที่ยังคงเป็นภัยคุกคามอย่างหนักอยู่
