คอลัมน์ Think Tank: ‘สปอติฟาย’ ราชาสตรีมมิ่งที่ยังมีข้อโต้แย้ง

(FILES) / AFP PHOTO / EMMANUEL DUNAND

สปอติฟายอาจเป็นราชาของการให้บริการฟังเพลงออนไลน์หรือสตรีมมิ่งอย่างไร้คู่แข่ง แต่จากการที่บริษัทสัญชาติสวีเดนแห่งนี้เตรียมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ยังคงมีความเห็นต่างว่า การครอบครองตลาดของสปอติฟายจะเป็นเนื้องอกสำหรับศิลปินและวงการเพลงหรือไม่

“เราเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาโลกนี้ให้ดีขึ้นได้ จากแต่ละเพลงที่ถูกเล่นไป” แดเนียล เอ็ก ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งสปอติฟาย วัย 35 ปี ระบุไว้ในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตั้งแต่มาดอนนาไปจนถึงดาฟต์พังก์ สปอติฟายได้ให้บริการฟังเพลงหลายล้านเพลงตลอดช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทสัญชาติสวีดิชแห่งนี้ช่วยให้การสตรีมมิ่งเป็นช่องทางการฟังเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหลายๆ พื้นที่ของโลก

สปอติฟายก่อตั้งเมื่อปี 2006 โดยเอ็กและมาร์ติน ลอว์เรนต์สันในย่านรักสเวดที่เงียบสงบชานกรุงสตอกโฮล์ม ถึงตอนนี้บริษัทมีลูกค้าที่จ่ายเงินใช้บริการ 71 ล้านคนทั่วโลก มากกว่าแอปเปิลมิวสิก คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดถึงสองเท่า ขณะที่คู่แข่งรายอื่นๆ มีรวมถึง กูเกิลมิวสิก ไทดัล ดีเซอร์ แนปสเตอร์และจุ๊กซ์

Advertisement

อย่างไรก็ตาม สปอติฟายซึ่งประเมินมูลค่าของตนเองไว้ที่มากถึง 23,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการยื่นเอกสารขอเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กยังไม่มีกำไรจากการดำเนินการ

แต่วอลสตรีทอาจไปไกลถึงการทำให้สถานะของบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติสวีเดนแห่งนี้ประสบความสำเร็จหากการยื่นขอเข้าซื้อขายหุ้นเป็นไปได้ด้วยดี

ในปี 2006 เอ็กและลอเรนต์สันซึ่งขี่กระแสความรุ่งเรืองของอินเตอร์เน็ตขึ้นมาเป็นเศรษฐี มาพร้อมกับแนวคิดในการสร้างแพลตฟอร์มที่ถูกกฎหมายสำหรับฟังเพลงออนไลน์ซึ่งตลาดในช่วงเวลานั้นถูกครอบครองไปด้วยเว็บไซต์แชร์เพลงแบบผิดกฎหมาย พวกเขาทดสอบด้วยการแชร์ไฟล์เพลงเอ็มพี3ระหว่างฮาร์ดไดรฟ์ในคอมพิวเตอร์ของพวกเขาเอง

Advertisement

ในเดือนตุลาคม 2008 สปอติฟายพร้อมที่จะให้บริการหลังจากเอ็กขอร้องค่ายเพลงให้ยินยอมใช้เพลงที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์การครอบครองของพวกเขาได้สำเร็จ

อุตสาหกรรมเพลงสามารถอยู่รอดมาได้ในการเปลี่ยนผ่านจากแผ่นเสียงไปยังเทปคาสเส็ตต์และไปสู่แผ่นซีดี แต่ความง่ายที่เพลงอาจจะถูกก๊อปปี้และแชร์ไปบนอินเตอร์เน็ตกัดกินยอดขายและกำไร

ท้ายที่สุดพวกเขาเห็นว่าจำเป็นจะต้องร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพที่เสนอทางเลือกที่ถูกกฎหมายในการแชร์เพลงบนคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขาต้องหาเงินทุนให้สปอติฟาย

ในปี 2009 พวกเขาครอบครองบริษัทเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์และเอ็กกับลอเรนต์สันต้องยอมละทิ้งทรัพย์สมบัติส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับค่ายเพลง และการเสี่ยงนั้นเป็นผล

ในปี 2009 สปอติฟายได้รับแรงหนุนต่อสาธารณะจากมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กที่โพสต์ข้อความว่า “สปอติฟายเจ๋งมากเลยทีเดียว”

ในปี 2011 เมื่อสปอติฟายเริ่มต้นให้บริการในสหรัฐพวกเขาเป็นพันธมิตรกับเฟซบุ๊กและมีผู้ใช้บริการที่ยอมจ่ายเงิน 1 ล้านคนและเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านคนในปีต่อมา

อย่างไรก็ตามวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งสปอติฟายนั่นคือพวกเขาไม่เห็นการผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสมาร์ทโฟน โดยซอฟต์แวร์เบื้องต้นนั้นเขียนขึ้นสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี และสปอติฟายเองกลับช้าในการออกแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือซึ่งเอ็กยอมรับว่าอาจทำให้บริษัทล้มเหลว

ปัญหาอีกอย่างปรากฏขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว นั่นคือศิลปินดังเริ่มที่จะตำหนิว่าบริการสตรีมมิ่งจ่ายเงินส่วนแบ่งให้พวกเขาน้อยเกินไปและแย่งชิงยอดขายอัลบั้มของพวกเขา

เทย์เลอร์ สวิฟต์ยกเลิกสัญญากับสปอติฟายในปี 2004 ด้วยเรื่องส่วนแบ่ง แต่กลับมาทำสัญญากับบริษัทอีกครั้งสามปีให้หลัง

เอ็กกล่าวในตอนนั้นว่าสปอติฟายจ่ายเงินมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์เป็นค่าลิขสิทธิ์เพลงนับตั้งแต่ปี 2008 และโต้แย้งว่าสตรีมมิ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับศิลปิน

“การละเมิดลิขสิทธิ์ทำให้ศิลปินไม่ได้เงินแม้แต่เพ็นนีเดียว ไม่ได้อะไรเลย เท่ากับศูนย์” เอ็กกล่าว

อ้างอิงจากเว็บไซต์เดอะ ไทรคอร์ดิสต์ สปอติฟายจ่ายเงินเฉลี่ย 0.030 ยูโรหรือ 0.037 ดอลลาร์ หรือราว 1.15 บาทให้กับแต่ละเพลงที่ผู้ใช้ฟังผ่านแพลตฟอร์มของสปอติฟาย

“เมื่อแดเนียล เอ็กเขียนว่า สปอติฟายต้องการที่จะทำให้อุตสาหกรรมเพลง ‘เป็นประชาธิปไตย’ มันเป็นเรื่องที่ไม่จริงใจ” หนังสือพิมพ์ธุรกิจรายวันดาเกนส์อินดัสทรีของสวีเดนเขียนไว้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม

พวกเขาตั้งข้อสังเกตว่า 87% ของเนื้อหาบนแพลตฟอร์มเมื่อปีที่แล้วมาจากค่ายเพลงยักษ์ใหญ่สี่ค่ายเท่านั้นเอง

ด้านโจฮันนา คูลล์ นักวิเคราะห์ของอาแวนซาเชื่อว่าสปอติฟายไม่ได้แบ่งสรรปันส่วนรายได้ให้กับศิลปินและนักแต่งเพลงมากเพียงพอ และการขาดการแข่งขันที่แท้จริงระหว่างแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจะทำร้ายพวกเขาเอง
“ผู้ชนะจะได้รับหมดทุกอย่าง” เธอบอก

และสำหรับนักลงทุนที่ซื้อหุ้นสปอติฟายซึ่งกำหนดมูลค่าของบริษัทไว้ที่ 23,000 ล้านดอลลาร์ พวกเขาจะต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนอย่างแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image