เว็บไซต์บีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า คณะทำงานแก้ปัญหาปะการังฟอกขาวแห่งชาติ ของออสเตรเลีย พบหลักฐานว่า “เกรตแบริเออร์รีฟ” แหล่งปะการังมรดกโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกของออสเตรเลียกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติเรียกร้องให้องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ประเมินให้แกรตแบริเออร์รีฟ ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย
คณะทำงานแก้ปัญหาปะการังฟอกขาว ของออสเตรเลีย ระบุว่า ปะการังนับตั้งแต่เมืองแคนส์ ไปจนถึงปาปัวนิวกินี ในเวลานี้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ มีเพียง 4 จากทั้งหมด 520 แนวหินเท่านั้นที่ไม่พบปรากฏการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การสำรวจยังไม่เสร็จสิ้นทั้งหมด โดยทีมจะสำรวจแนวปะการังไปทางใต้อีกราว 400 กิโลเมตรเพื่อประเมินผลกระทบทั้งหมด
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายังคงเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าแนวปะการังจะสามารถฟื้นคืนกลับมาได้หรือไม่ ขณะที่มีรายงานจากนักวิทยาศาสตร์ด้วยว่าปะการังตายไปแล้วถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ศาสตราจารย์ จัสติน มาร์ติน จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ระบุว่าปะการังฟอกขาวดังกล่าวชัดเจนว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กรุงปารีส ทั่วโลกต่างเห็นไปในทางเดียวกันว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตอนนี้เรากำลังมองดูผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่มีต่อปะการังของเรา” มาร์ตินระบุ
ขณะที่รายงานระบุว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมออสเตรเลีย ระบุว่า รัฐบาลกลางกำลังลงงบประมาณเพื่อโครงการปกป้องปะการัง “เกรตแบริเออร์รีฟ ด้วยงบประมาณสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
