สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มีนาคม นางเจเน็ต เยลเลน ประธานกองทุนสำรองแห่งรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา แสดงความมั่นใจต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐ ทว่ายังคงยืนยันท่าทีแบบผ่อนปรนในนโยบายการเงิน โดยระบุว่าเฟดยังคงต้องเฝ้าจับตาดูเศรษฐกิจของนานาประเทศและความเปราะบางทางการเงิน
ข่าวระบุว่า ในขณะที่ตลาดยังคงมีความวิตกกังวลในเรื่องช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมเงินทั่วโลก นางเยลเลนส่งสัญญาณออกมาอย่างชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวมีแนวโน้มสูงว่าจะไม่เกิดขึ้นก่อนเดือนมิถุนายน โดยเฟดจะเพิ่มความเข้มงวดทางด้านนโยบายอย่างช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป
นางเยลเลนเปิดเผยในการกล่าวปาฐกถากับสมาคมเศรษฐกิจนิวยอร์ก ในนครนิวยอร์ก สหรัฐ วันเดียวกันนี้ว่า “เศรษฐกิจสหรัฐได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความยืดหยุ่นสูง” นับเป็นการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก หลังจากที่เฟดตัดสินใจใช้จุดยืนที่ผ่อนปรนในเรื่องนโยบายการเงินในการประชุมประจำเดือนเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นางเยลเลนระบุด้วยว่า การสร้างงานยังคงแข็งแกร่ง และสัญญาณการเติบโตยังมั่นคง แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและการหดตัวลงอย่างรุนแรงของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
แต่แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเติบโตด้วยอัตราเร็วพอประมาณ เฟดก็ยังจำเป็นต้องเอาใจใส่ต่อ “ความกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับพัฒนาการด้านการเงินทั่วโลก” ซึ่งรวมถึงราคาน้ำมันและอัตราการเติบโตโดยรวมของเศรษฐกิจโลก เพื่อมาชั่งน้ำหนักกับการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงิน
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังปฏิเสธข้อโต้แย้งต่างๆ รวมถึงจากเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นถึงจุดที่คณะกรรมการกำหนดนโนยายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จำเป็นต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดยเร็วแทนที่จะรีรออยู่ โดยนางเยลเลนระบุว่า เธอยังคงไม่เชื่อว่าสัญญาณการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคจะคงอยู่ในระยะยาว และว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกได้