เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิทางการศึกษาของเด็กผู้หญิงและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในวัย 20 ปี เดินทางกลับมาเยี่ยมถิ่นเกิดในเมืองมินโกรา เขนสวัต ประเทศปากีสถานเป็นครั้งแรก นับจากเธอถูกกลุ่มติดอาวุธทาลิบันยิงโจมตีเข้าที่ศีรษะจนเกือบเสียชีวิตเมื่อกว่า 5 ปีก่อน ขณะเธอมีอายุเพียง 15 ปี ก่อนเธอถูกส่งไปรักษาตัวที่ประเทศอังกฤษ จนรอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ซึ่งเรื่องราวการต่อสู้เพื่อสิทธิทางการศึกษาของเด็กผู้หญิงของเธอโดยไม่กลัวเกรงต่ออิทธิพลมืดที่คุกคามชีวิต ได้จุดความสนใจของผู้คนจากทั่วโลกและเป็นผลให้มาลาลาคว้ารางวัลโนเบลสันติภาพอันทรงเกียรติไปครองในปี 2557
ข่าวแจ้งว่า การกลับมาเยือนบ้านเกิดของมาลาลา พร้อมพ่อและพี่ชาย 2 คน ที่เดินทางจากกรุงอิสลามาบัดมายังเมืองมินโกราด้วยเฮลิคอปเตอร์มีขึ้นท่ามกลางการอารักขาคุ้มกันของกองทัพปากีสถานอย่างเข้มงวด มาลาลาได้ไปพบกับเพื่อนฝูงและครอบครัวญาติของเธอที่อยู่ที่นี่ ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชมโรงเรียนนายร้อยทหารสวัตคาเด็ท คอลเลจ กูลีแบก ซึ่งอยู่ออกนอกเมืองมินโกราไปราว 15 กิโลเมตร จากข่าวรายงานว่า มาลาลาดูมีความสุขมาก
ทั้งนี้ครอบครัวของมาลาลาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมินโกรา ที่มาลาลาโดนมือปืนยิงโจมตีเธอบนรถโรงเรียนเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมปี 2555 ลูกปืนฝังเข้าที่ศีรษะ ร่างของมาลาลาที่อาการบาดเจ็บอยู่ในขั้นวิกฤต ถูกส่งไปรักษายังโรงพยาบาลทหารของปากีสถาน ก่อนเธอถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ จนอาการฟื้นดีขึ้น และจากบทบาทในการต่อสู้เพื่อสิทธิด้านการศึกษาของเด็กผู้หญิง ส่งผลให้มาลาลาได้รับการเชิดชูเกียรติโดยการคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมในปี 2557 ไปครอง ซึ่งยังทำให้มาลาลาเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่มีอายุน้อยที่สุดเท่าเคยมีมาด้วย โดยเธอมีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นในช่วงเวลานั้น
ในการกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดครั้งนี้โดยที่ไม่ได้มีการเปิดเผยล่วงหน้า มาลาลากล่าวทั้งน้ำตาในการกล่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ของปากีสถานเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา มาลาลาบอกว่า เป็นความฝันของเธอที่จะได้กลับมาและเธอยังให้คำมั่นสัญญาว่าเธอจะกลับมาอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดของเธอเป็นการถาวร หลังจากที่เธอสำเร็จการศึกษาแล้ว
