“ทรัมป์” เผยสัมพันธ์ “สหรัฐ-รัสเซีย” แย่กว่าช่วงสงครามเย็น ขู่ถล่มซีเรีย ตอบโต้รัสเซียค้านตรวจสอบอาวุธเคมีในซีเรีย

AFP PHOTO / NICHOLAS KAMM

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซีย เริ่มย่ำแย่ลงอีกครั้ง หลังจากรัสเซียใช้สิทธิวีโต้คัดค้านร่างมติที่สหรัฐอเมริการ่างขึ้น เสนอให้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อสอบสวนเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย โดยเมื่อวันที่ 11 เมษายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ทวีตข้อความเตือนรัสเซีย เกี่ยวกับการสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรียว่า ขีปนาวุธของสหรัฐจะแก้แค้นให้กับการใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือน

โดยข้อความที่ทรัมป์ทวีต ระบุว่า การที่รัสเซียประกาศว่าจะยิงขีปนาวุธใดๆก็ตามที่ยิงใส่รัสเซีย ก็ขอให้รัสเซียจงเตรียมพร้อมรับมือกับขีปนาวุธที่ดี ใหม่ และฉลาดที่จะยิงใส่เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียร่วมมือกับผู้ที่ใช้แก๊สสังหารประชาชนของตัวเอง

และยังทวีตด้วยความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียย่ำแย่ลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และแย่ว่าช่วงสงครามเย็นด้วย และไม่มีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ รัสเซียยังต้องการความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจจากสหรัฐ พร้อมกับบอกว่า สหรัฐต้องการให้ทุกชาติทำงานร่วมกัน และหยุดการแข่งขันด้านอาวุธ

ขณะที่รัสเซียได้ออกมาตอบโต้ท่าทีที่แข็งกร้าวดังกล่าวของผู้นำสหรัฐ โดยนางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า แผนที่สหรัฐจะโจมตีรัสเซียก็เพียงเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการทำลายหลักฐานเรื่องการใช้อาวุธเคมีโจมตี และหากผู้ตรวจสอบจากนานาชาติเข้าไปตรวจสอบในซีเรียก็จะไม่พบหลักฐานใดๆ

Advertisement

ด้านนายอเล็กซานเดอร์ ซาซิปกิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอน ออกมาขู่สหรัฐว่า หากมีขีปนาวุธใดๆยิงใส่ซีเรีย เพราะเรื่องการใช้อาวุธเคมีโจมตี ก็จะมีขีปนาวุธถูกยิงกลับไปยังแหล่งที่ถูกยิงมาเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image