สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่าเมื่อวันที่ 11 เมษายน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยม ได้เข้าให้การต่อสภาคองเกรส ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นวันที่ 2 เพื่อชี้แจงกรณีที่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊ก 87 ล้านคน ถูกบริษัท เคมบริดจ์ อนาลิติกา บริษัทที่ปรึกษาด้านการเมืองนำไปใช้ช่วยเหลือการหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงการหาเสียง
ข่าวระบุว่า การให้การของผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กวัย 33 ปี ในวันที่ 2 นี้ กินเวลายาวนานถึง 10 ชั่วโมง หลังจากวันแรกซัคเคอร์เบิร์กเข้าไปให้การนาน 5 ชั่วโมง โดยการซักถามในวันสุดท้ายนี้ เป็นคำถามเกี่ยวกับการที่เฟซบุ๊กจะทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้อย่างไรบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยไม่มีใครสามารถนำไปใช้ได้อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งมีบางช่วงที่ซัคเคอร์เบิร์กยอมรับว่า กฎข้อบังคับบางอย่างของเฟซบุ๊ก เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และได้เสนอที่จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเฟซบุ๊ก พร้อมให้คำมั่นว่าเฟซบุ๊กจะรักษาความเป็นส่วนตัวให้ดีขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ซัคเคอร์เบิร์กยังคงปกป้องรูปแบบธุรกิจของเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะวิธีการใช้ข้อมูลและการโพสต์ของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กราว 2,200 ล้านรายทั่วโลก ที่เป็นแบบอิสระ ซึ่งซัคเคอร์เบิร์กบอกว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่จะดึงดูดรายได้จากโฆษณาที่มีมูลค่าถึง 480,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวระบุว่า การให้การดังกล่าวสิ้นสุดลงโดยไม่ได้มีฉันทามติใดๆจากสภาคองเกรสสหรัฐเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่ต้องการจะผลักดัน และดูเหมือนข่าวดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆต่อเฟซบุ๊ก เนื่องจากราคาหุ้นของเฟซบุ๊กที่ปิดตลาดเมื่อวันที่ 11 เมษายน เพิ่มขึ้น 0.78 เปอร์เซ็นต์ หลังจากขึ้นไปถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์ในวันก่อนหน้า ด้วยราคาหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นสองวัน ทำให้ซัคเคอร์เบิร์กมีเงินเพิ่มจากหุ้นเพียงสองวันอยู่ที่ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 93,500 ล้านบาท
