ใครเป็นใคร ใน ‘สงครามกลางเมืองซีเรีย’

AFP PHOTO / Youssef KARWASHAN

สงครามกลางเมืองในประเทศซีเรีย ระหว่างกลุ่มกบฏที่ต้องการโค่นรัฐบาลซีเรีย ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2554 นอกเหนือจากจะทำให้เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่แล้ว ยังนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ให้การหนุนหลังกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ของซีเรีย กับรัสเซีย ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลซีเรีย จนมาถึงวันที่สหรัฐเดินหน้าโจมตีซีเรียในที่สุด

จนถึงวันนี้ มีผู้คนที่ต้องเสียชีวิตเนื่องจากสงครามกลางเมืองในซีเรียไปแล้วกว่า 350,000 คน มาดูกันว่า ใครเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองในซีเรียบ้าง

๐ รัฐบาลซีเรีย กับพันธมิตร
เดิมที รัฐบาลซีเรีย มีจำนวนทหารอยู่ในกองทัพราว 300,000 นาย หากแต่สงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้จำนวนทหารซีเรียหายไปถึงครึ่งหนึ่ง มีทั้งตายและแปรพักตร์ รวมถึงหลบหนีออกจากกองทัพ แต่ก็สามารถกะเกณฑ์ทหารที่ไม่ได้อยู่ประจำการเพิ่มเติมเข้ามาได้อีกราว 200,000 นาย ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกกลุ่มกองกำลังชาวชีอะห์ ฮิซบอลเลาะห์ จากเลบานอน ถึงราว 8,000 คน นอกจากนี้ก็ยังมีพวกนักรบชาวอิหร่าน อิรัก และอัฟกัน

ขณะที่พันธมิตรหลักของกองทัพซีเรีย คือ “รัสเซีย” ที่ส่งกองกำลังทางอากาศสนับสนุนรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ช่วยรัฐบาลซีเรียยึดเมืองอเลปโปคืนจากกลุ่มกบฏได้สำเร็จ รวมทั้งเขตกูตาตะวันออก ชานกรุงดามัสกัส

Advertisement

“อิหร่าน” เป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่ให้การสนับสนุนอัสซาด ทั้งในเรื่องการเงินและด้านการทหาร

ปัจจุบัน รัฐบาลซีเรียยึดครองเมืองหลักๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกรุงดามัสกัส อเลปโป ฮอมส์ และฮามา โดยประชากรราว 70% อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่รัฐบาลซีเรียปกครองอยู่

๐ กลุ่มกบฏ
กลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย มีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน รวมไปถึงกลุ่มกบฏที่ไม่ใช่พวกหัวรุนแรง ไปจนถึงพวกมุสลิมหัวรุนแรง แต่จำนวนนักรบของกลุ่มกบฏที่เคยมีสูงถึง 100,000 คน ก็ลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากการต่อสู้ที่ยาวนานและรัฐบาลซีเรียยึดครองเมืองกลับคืนได้จำนวนมาก รวมไปถึงการสูญเสียฐานที่มั่นในเขตกูตาตะวันออกเมื่อเร็วๆ นี้

Advertisement

โดยเริ่มแรกของการลุกฮือของกลุ่มกบฏ มีการรวมตัวกันในนามของ “กองทัพปลดปล่อยซีเรีย” หรือ เอฟเอสเอ ก่อนที่จะแตกแยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ในเวลาต่อมา แต่ยังคงมีเป้าหมายเดียวกันคือโค่นรัฐบาลของอัสซาด

๐ นักรบญิฮาด
กองกำลังนักรบญิฮาดมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ในซีเรีย คือ กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส และอีกกลุ่มคือ กลุ่มฮายัต ตาหรีร์ อัล แชม

กลุ่มไอเอส เกิดขึ้นจากสงครามในซีเรียและในอิรัก และได้ทำการยึดครองพื้นที่เมืองต่างๆ ในทั้งสองประเทศ นับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 เป็นต้นมา ก่อนจะประกาศเป็น “รัฐเคาะลีฟะฮ์” ขึ้น และเดินหน้าก่อเหตุรุนแรงขึ้นทั่วโลก

แต่หลังจากนั้น ไอเอสก็ต้องสูญเสียพื้นที่ยึดครองหลักไป เนื่องจากถูกกดดันอย่างหนักจากกองกำลังชาวเคิร์ด และอาหรับ ที่มี “สหรัฐ” หนุนหลังอยู่ รวมทั้งกองทัพของซีเรียที่ได้รัสเซียหนุนหลัง

ขณะที่กลุ่มฮายัต ตาหรีร์ อัล แชม ได้ควบคุมพื้นที่ทั้งหมดทางตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดอิลิบของซีเรีย โดยกลุ่มฮายัตนี้เป็นกลุ่มที่แยกตัวออกจากอัลเคด้า เมื่อเดือนกรกฎาคม 2559

๐ กลุ่มชาวเคิร์ด
กลุ่มชาวเคิร์ด ในซีเรีย เป็นกลุ่มที่พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏ และคุมพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียเอาไว้ ในลักษณะกึ่งปกครองตนเอง

ชาวเคิร์ด จะมี กองกำลังปกป้องประชาชน (วายพีจี) ที่ถือเป็นหุ้นส่วนสำคัญของกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐ ในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสและการจัดตั้ง กลุ่มกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ซึ่งเป็นพันธมิตรของนักรบเคิร์ดและอาหรับ

ปัจจุบัน วายพีจียังคงครอบครองพื้นที่ราว 28% ของดินแดนในซีเรีย ซึ่งรวมทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนเหนือที่มีชายแดนติดกับประเทศตุรกี และมีประชาชนในซีเรียราว 15% ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เคิร์ดครอบครอง

๐ ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์
ประเทศซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และตุรกี ซึ่งมีประชากรเป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่เป็นหลัก ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการทหารและการเงินเพื่อสนับสนุนกลุ่มกบฏในการต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ซึ่งมาจากชนกลุ่มน้อยนิกายอะละวีย์ ที่แยกย่อยมาจากนิกายชีอะห์

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ซาอุฯและกาตาร์เริ่มมีบทบาทน้อยลงแล้วในซีเรีย แต่รัฐบาลตุรกียังคงทำหน้าที่เป็นแกนนำของกองกำลังต่างชาติในการสนับสนุนให้มีการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในซีเรีย

๐ กองกำลังพันธมิตรระหว่างประเทศ
กองกำลังพันธมิตรระหว่างประเทศ นำโดย “สหรัฐ” ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับกลุ่มไอเอสและกลุ่มนักรบญิฮาดอื่นๆ ในซีเรีย ด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนับตั้งแต่ปี 2557

โดยกลุ่มพันธมิตรในกลุ่มนี้ มีทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย ตุรกี ออสเตรเลีย บาห์เรน แคนาดา จอร์แดน เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมอยู่ด้วย

**ที่มาข้อมูล AFP**

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image