คอลัมน์โกลบอล โฟกัส: ‘สลีปเปอร์เซลล์’ ยุทธวิธีใหม่ของไอเอส

การสืบสวนสอบสวนเหตุระเบิดที่เบลเยียมยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางการติดตามอย่างใกล้ชิดของทุกฝ่าย ในเวลาเดียวกัน แวดวงของผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการก่อการร้ายก็คึกคักกับการวิเคราะห์แบบแผนประทุษกรรมที่ใช้ในการก่อการร้ายครั้งนี้ ไม่เพียงเพื่อให้สามารถล่วงรู้เท่าทันต่อพฤติกรรมในอนาคตของคนร้ายเท่านั้น แต่ยังเพื่อหาจุดอ่อน ช่องโหว่เท่าที่มีสำหรับนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันเหตุในอนาคต

ข่าวร้ายก็คือ ยิ่งพินิจพิเคราะห์ ยิ่งตระหนักว่ารูปแบบและวิธีปฏิบัติการก่อการร้ายของกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นที่ปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว กับในบรัสเซลส์ เมื่อ 22 มีนาคมที่ผ่านมานั้น หาทางป้องกันได้ยากมาก

ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือ การโจมตีที่บรัสเซลส์ เกิดขึ้น 4 วันหลังจากการจับกุมซาเลาะห์ อับเดสลาม ผู้ร่วมก่อเหตุโจมตีปารีสรายเดียวที่ยังเล็ดลอดหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่อยู่ได้ การจับกุมดังกล่าวทำให้หน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องถอนหายใจโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็สามารถกำจัด “เซลล์ก่อการร้าย” หรือกลุ่มจัดตั้งขนาดเล็กของไอเอสลงได้ ชนิดที่น่าจะทอนกำลังและชะลอการโจมตีครั้งต่อไปออกไปได้อีกอย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน การจับกุมอับเดสลามของเจ้าหน้าที่บรัสเซลส์ ก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า ไอเอส แพ้ได้ ถูกปราบปรามได้เหมือนกัน

Advertisement

แต่นั่นคือการประเมินผิดอย่างมหันต์ เพราะในท่ามกลางความยินดีที่ยังไม่ทันจางหาย ไอเอสก็โจมตีใจกลางยุโรปตามมาในทันที

การประสบความสำเร็จในปฏิบัติการของไอเอสทั้งที่ปารีสและบรัสเซลส์ ไม่เพียงเป็นการ “ตบหน้า” หน่วยงานความมั่นคงของยุโรปทั้งหมด รวมไปถึงหน่วยข่าวกรองระดับโลกอย่างซีไอเอ (สำนักงานข่าวกรองกลาง) ของสหรัฐอเมริกา แบบซ้ำซ้อนเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอีกก้าวหนึ่งของไอเอส จากการศึกษาบทเรียนของปฏิบัติการก่อการร้ายทั้งหลายที่ผ่านมา มาปรับใช้เป็นยุทธวิธีใหม่ที่แตกต่างออกไปจากอัลเคด้า และนอกเหนือความคาดหมายของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลาย

ที่ยังคงปักใจเชื่อว่าไอเอสยังคงมีความโน้มเอียงที่จะใช้ยุทธวิธีแบบ “ปฏิบัติการเดี่ยว” หรือ “โลน วูล์ฟ” ที่ง่ายกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จสูง และติดตามร่องรอยรวมทั้งสกัดกั้นได้ยากมากกว่ายุทธวิธีอย่างอื่น

Advertisement

ในทางตรงกันข้าม เหตุการณ์ทั้งที่ปารีสและบรัสเซลส์แสดงให้เห็นถึง “กลุ่มจัดตั้ง” ขนาดเล็ก จำนวนไม่เกิน 10 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธ การผลิตระเบิด และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันสูงมาก ทั้งในแง่ของสายเลือดและการใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะเพื่อนสนิทในการลงมือในแต่ละครั้งเท่านั้น เซลล์หรือกลุ่มจัดตั้งเหล่านี้ยังมี “เครือข่าย” ขนาดใหญ่รองรับอยู่อีกอย่างน้อย 2-3 ชั้น

เครือข่ายดังกล่าวนี่เองที่ซาเลาะห์ อับเดสลาม ใช้ในการหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มข้นได้นานกว่า 4 เดือน เป็นเครือข่ายเหล่านี้ ในกรณีที่เซลล์แรกลงมือล้มเหลวหรือถูกจับกุม ก็ยังมีเซลล์ที่สองและเซลล์ที่สามปฏิบัติการทดแทน

ที่สร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของยุโรปอย่างมากก็คือ พวกเขารู้จักหน้าค่าตาของเซลล์ก่อการร้ายเหล่านี้เพียงบางส่วน แต่บอดสนิทกับเครือข่ายในส่วนที่เหลือ

พวกเขารู้จักและตระหนักถึงอันตรายของคนอย่างซาเลาะห์ อับเดสลาม ล่วงรู้ถึงตัวตนของอับเดลฮามิด อับบาอูด

แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า คนอย่างสองพี่น้องเอล บาคราอุย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่แนบแน่นของเซลล์เดียวกันนี้ด้วย

ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานความมั่นคงเบลเยียมตรวจสอบพบจากการตรวจค้นที่พักของผู้ลงมือปฏิบัติการถล่มบรัสเซลส์ ชี้ให้เห็นว่า การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรีบเร่ง เป็นการตัดสินใจลงมือของผู้ดำเนินการมากกว่าที่จะได้รับการสั่งการ แต่ในเวลาเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า แผนปฏิบัติการทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เพียงรอคำสั่งดำเนินการเท่านั้นเอง

ทีมสอบสวนและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทั้งหลายให้ความเห็นตรงกันว่า แผนปฏิบัติการทั้งที่ปารีส และบรัสเซลส์ ต้องมีการกำหนดกันไว้ก่อนล่วงหน้าเป็นเวลานาน การลงมือที่บรัสเซลส์แสดงให้เห็นถึงยุทธวิธีใหม่ของไอเอสในยุโรป ที่สามารถใช้งาน “สลีปเปอร์เซลล์” หรือกลุ่มจัดตั้งที่ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่อยู่ในบัญชี “ต้องการตัว” หรือ “ต้องจับตา” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในเงามืด เป็นเซลล์ชั้นสองหรือชั้นสาม ที่พร้อมเข้ารับช่วงปฏิบัติการต่างๆ ต่อจากทีมชุดแรกได้ในจังหวะและเวลาที่ต้องการ

นั่นหมายถึงว่ายังคงมีผู้ก่อการร้ายอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมีขีดความสามารถเพียงพอต่อการโจมตี สร้างความเสียหาย ก่อให้เกิดสภาวะสะพรึงกลัวได้ โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้าค่าตา

แผนผังบ้านพัก และที่ตั้งทำเนียบนายกรัฐมนตรี ชาร์ลส์ มิเชล แห่งเบลเยียม ที่เจ้าหน้าที่ค้นพบจากอพาร์ตเมนต์ของคนร้ายที่ชาร์บีค จึงมีความหมายน่าสะพรึงกลัวด้วยเหตุนี้

ในทางหนึ่ง การมี “สลีปเปอร์เซลล์” และ “เครือข่ายจัดตั้ง” ที่ไม่มีใครล่วงรู้อยู่ในพื้นที่ยุโรป ส่งผลให้การประสานงาน และการปฏิบัติการดำเนินไปได้ค่อนข้างเป็นอิสระ ทีมระเบิดที่บรัสเซลส์ล้วนเคยมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับเหตุการณ์โจมตีในกรุงปารีสเมื่อ 4 เดือนก่อน

คนเหล่านี้คือผู้เชี่ยวชาญด้านการ “ส่งกำลังบำรุง” เป็นผู้ที่จัดหาที่พัก และหาอาวุธให้กับทีมปฏิบัติการปารีส ในจำนวนคนเหล่านี้มีทั้งผู้เชี่ยวชาญในการผลิตระเบิด ล่วงรู้ว่าจะจัดการกับระเบิดทีเอทีพีที่อ่อนไหวสุดยอดได้อย่างไร และแน่นอน ในจำนวนคนเหล่านี้ย่อมต้องมีคนที่คอยทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกับกองบัญชาการไอเอส ในรอกเกาะห์ ประเทศซีเรีย อยู่อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

คนเหล่านี้คือกลุ่มที่ทำให้ซาเลาะห์ อับเดสลาม สามารถลงมือปฏิบัติการที่ปารีสแล้วเดินทางกลับมายังโมเลนบีคเพื่อ “แวะเข้าร้านตัดผม” ที่นั่นได้อย่างหน้าตาเฉย

คือผู้ที่ทำให้คนอย่างนาจิม ลาชราอุย สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระทั่วยุโรป ทั้งๆ ที่ปรากฏรอยนิ้วมือของเขาอยู่ในแถบบรรจุระเบิดคาดตัวของมือระเบิดฆ่าตัวตายในปารีสทุกชุด

ในอีกทางหนึ่ง สลีปเปอร์เซลล์ และเครือข่ายลับของไอเอส ทำให้การปฏิบัติการของไอเอสในยุโรปแตกต่างออกไปจากปฏิบัติการก่อการร้ายของอัลเคด้าในพื้นที่เดียวกันในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นที่ลอนดอน, คาซาบลังกา, มาดริด, อัมมาน หรือที่อื่นๆ หรือแม้แต่กระทั่งเหตุวินาศกรรมสะท้านโลกต่อเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ในนิวยอร์ก เมื่อปี 2001 ก็ตามที

นั่นคือไอเอสสามารถปฏิบัติการซ้ำได้ ตอบโต้กับการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงได้ หลังจากที่ลงมือปฏิบัติการครั้งแรกไปแล้ว

ต่างจากอัลเคด้าที่ปฏิบัติการครั้งเดียวแล้วก็จบกัน!

ความเป็นจริงประการหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงและนักวิชาการด้านต่อต้านการก่อการร้ายเห็นตรงกันก็คือ การสร้างเครือข่ายลับและสลีปเปอร์เซลล์เอาไว้ตั้งแต่แรกเพื่อเรียกใช้งานในภายหลังนั้นจำเป็นต้องอาศัยผู้วางแผนที่เล็งเห็นการณ์ไกล อดทน และอดกลั้นอย่างมาก ต้องไม่ใช่คนใจร้อน หรือนักวางแผนประทุษกรรมชนิดใจเร็วด่วนได้เป็นอันขาด

นี่คือข้อเท็จจริงอีกแง่หนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของโลกตะวันตกประเมินไอเอสต่ำกว่าความเป็นจริงมาโดยตลอด

ที่น่าสนใจก็คือ คริสโตเฟอร์ รอยเตอร์ ผู้สื่อข่าวในซีเรียของแดร์ สปีเกล ระบุเอาไว้ว่า ปฏิบัติการ “สลีปเปอร์เซลล์” เป็นยุทธวิธีใหม่ที่ไอเอสนำมาใช้ในยุโรปก็จริง แต่เป็นยุทธวิธีดั้งเดิมที่ไอเอสถนัดและนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการทำลายฝ่ายตรงข้ามมานักต่อนักทั้งในอิรักและซีเรีย

เป็นวิธีการที่ถูกนำมาใช้บ่อยครั้งที่สุด เมื่อเป้าหมายเป็น “บุคคลสำคัญ” และ “อยู่ภายใต้การคุ้มกันที่แน่นหนา” ที่ต้องการ “จัดการ” เป็นพิเศษ

ตัวอย่างเช่นกรณีของอาบู คาหลิด อัล ซูรี ผู้ที่อัยมาน อัล ซาวาฮิรี ผู้นำขบวนการก่อการร้ายอัลเคด้าแทนที่โอซามา บินลาเดน ส่งตัวเข้ามาเป็น “ตัวแทนผู้มีอำนาจเต็ม” ของอัลเคด้าในซีเรีย หลังเกิดการแตกหักระหว่างไอเอสกับอัลเคด้าที่นั่น

ทั้งๆ ที่อาบู อัล ซูรี ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างแน่นหนา สถานที่พำนักถูกเก็บงำเป็นความลับ “สุดยอด” แต่ในที่สุดไอเอสก็สามารถจัดการกับอัล ซูรี ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

อัล ซูรี ผู้บัญชาการกองกำลังกบฏซีเรียที่นิยมอัลเคด้าถูก “ลักพาตัว” ขณะหลบหนีออกจากรอกเกาะห์ ตอนที่กองกำลังไอเอสเข้ายึดครองเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของพื้นที่อิทธิพลของตนเอง โดย “คนขับรถ” ที่รู้จักหน้าค่าตากันมานาน โดยไม่รู้ว่านั่นคือ “สาย” ที่ไอเอสส่งเข้ามาแฝงตัวอยู่ภายใน

อัล ซูรี ถูกสังหารเมื่อต้นปี 2014 ที่ผ่านมานี่้เอง

กรณีดังกล่าวอาจเทียบเคียงได้ยากกับปฏิบัติการที่ปารีสและบรัสเซลส์ แต่กรณีของ “จานิล มาห์มู้ด” สะท้อนให้เห็นแบบแผนปฏิบัติการแทบจะเป็นแบบเดียวกันเป๊ะ

จานิล มาห์มู้ด เป็นเด็กหนุ่มชาวเคิร์ดจากเมืองอาฟริน อำเภอทางตอนเหนือของซีเรีย ที่เดินทางเข้ามาทำงานในร้านผลิตเฟอร์นิเจอร์ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ตอนที่ไอเอสเข้าไปโน้มน้าวเกณฑ์ให้เขาทำหน้าที่เป็นสายแทรกซึมเข้าไปในหน่วยพิทักษ์ประชาชน (วายพีจี) ของกลุ่มกบฏเคิร์ด ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในแถบอาฟริน บ้านเกิดของจานิล

เมื่อผู้ทำหน้าที่กล่อมเห็นว่าจานิลสามารถไว้วางใจให้ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนได้แล้ว เขาถูกลักลอบนำตัวไปยังท่าเรือกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบีย จากนั้นก็ลักลอบเข้าตุรกีโดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารหรือพาสปอร์ตเพื่อการเดินทางแต่อย่างใดทั้งสิ้น

จากชายหาดตุรกี เขาถูกนำตัวขึ้นรถขับมุ่งเข้าไปในดินแดนตุรกีนานถึง 4 ชั่วโมง “จนถึงบ้านไร่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ที่นั่นมีคนราว 25 คน เชื้อสายอาหรับก็มี เติร์กก็มี พวกเราถูกฝึกให้ใช้คาลาชนิคอฟ และกล็อก” จานิลระบุย้ำด้วยว่า พวกเขาไม่เคยออกจากค่ายฝึกแห่งนั้น ซึ่งเข้าใจกันว่าอยู่ในพื้นที่เมืองกาซีอันเท็ป เมืองชายแดนของตุรกีทางตอนเหนือของซีเรีย

2 เดือนหลังการฝึกหนัก เขาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกับวายพีจี ที่มีความใกล้ชิดกับกองกำลังพรรคแรงงานเคิร์ด หรือพีเคเค ในอาฟริน และรอคอยคำสั่งที่จะลงมือต่อไป

“พวกนั้นบอกแค่ว่าจะอยู่ใกล้ๆ เสมอ และจะติดต่อมาอีกทีเมื่อถึงเวลาต้องลงมือ” จานิลบอก

ไม่มีใครรู้ว่า ภารกิจของจานิล มาห์มู้ด คืออะไร เพราะสองสามเดือนให้หลังจานิลตัดสินใจมอบตัวต่อทางการเคิร์ด และเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด

แต่กรณีของจานิล มาห์มู้ด บอกให้รู้ว่า กรอบความคิดและยุทธวิธีปฏิบัติการของไอเอสนั้นเกินกว่าที่จะเป็นกองกำลังคลั่งลัทธิปกติธรรมดาทั่วไปมาก

เป็นรูปแบบและวิธีการที่ใช้กันอยู่ของหน่วยสืบราชการลับและก่อวินาศกรรมของประเทศใดประเทศหนึ่งเสียมากกว่า!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image