ปฏิกริยาผู้นำโลกต่อการประชุมสุดยอดของ 2 ผู้นำเกาหลีครั้งประวัติศาสตร์

AFP PHOTO / Korea Summit Press Pool / Korea Summit Press Pool

บรรดาผู้นำโลกและรัฐบาลต่างชาติยกย่องสรรเสริญการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ว่าเป็นย่างก้าวไปสู่สันติภาพ แต่ยังคงระมัดระวังถึงการเปลี่ยนแปลงที่รออยู่ข้างหน้า

นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้เห็นพ้องในการประชุมสุดยอดของทั้ง 2 ชาติ ที่เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปีเมื่อวันที่ 27 เมษายนว่าจะปลดอาวุธนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลีโดยสมบูรณ์และทำให้เกิดสันติภาพที่ถาวร

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาทวีตข้อความว่า “หลังหนึ่งปีของการยิงมิสไซล์และทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อย่างบ้าคลั่ง การพบปะกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กำลังเกิดขึ้น สิ่งดีกำลังเกิดขึ้นแต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้”

ในทวีตถัดมา ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า “สงครามเกาหลีกำลังจะจบ สหรัฐและประชาชนที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด จะต้องภูมิใจมากต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเกาหลี”

Advertisement

ด้านนางหัว ชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวว่า “เราชื่นชมย่างก้าวประวัติศาสตร์ของผู้นำทั้ง 2 เกาหลีและซาบซึ้งถึงความกล้าหาญและการตัดสินใจทางการเมืองของพวกเขา”

“เราหวังและมองไปข้างหน้าถึงการที่พวกเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดกว้างไปยังการเดินทางครั้งใหม่สู่เสถียรภาพระยะยาวบนคาบสมุทรเกาหลี”

ขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะของญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “วันนี้ ประธานาธิบดีมุน แจ อินและผู้นำสูงสุดคิม จอง อึน ได้จัดการหารือที่กระตือรือร้นเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ผมต้องการที่จะแสดงความยินดีว่านั่นเป็นย่างก้าวในเชิงบวกไปสู่ทางแก้ปัญหาที่ครอบคลุมประเด็นต่างๆ หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องเกาหลีเหนือ” นายอาเบะกล่าว และว่า” เราหวังอย่างแรงกล้าว่าเกาหลีเหนือจะมีมาตรการที่ชัดเจนผ่านการพบปะครั้งนี้และมีการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ เราจะเฝ้าดูย่างก้าวของเกาหลีเหนือต่อไปในอนาคต”

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังกล่าวด้วยว่า “และทั้งหมดนี้ ผมปรารถนาที่จะเดินหน้าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างญี่ปุ่น สหรัฐ และเกาหลีใต้ไปสู่การแก้ปัญหารอบด้านของการลักพาตัว ประเด็นนิวเคลียร์และมิสไซล์ และการหารือสุดยอดสหรัฐ-เกาหลีเหนือ”

นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นี่เป็นข่าวที่ดีมาก

“วันนี้เราได้เห็นว่าการเจรจากันโดยตรงได้เกิดขึ้นและเกิดความคาดหวังที่แน่วแน่” นายเปสคอฟกล่าวและว่า” ความพยายามที่จะเสาะหาข้อตกลงสามารถเห็นได้จากทั้ง 2 ฝั่ง นี่เป็นข้อเท็จจริงในทางบวก”

ด้านนายเยนส์ สโตลเตนแบร์ก ผู้อำนวยการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตกล่าวในที่ประชุมสหภาพยุโรป (อียู) ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมว่า ว่า “นี่เป็นย่างก้าวแรก ที่น่าตื่นเต้น แต่เราต้องตระหนักว่ายังมีงานหนักรออยู่ข้างหน้าอีกมาก”

ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเปิดเผยในเวทีการประชุมเดียวกันว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมไม่คิดว่าทุกคนที่มองไปยังประวัติศาสตร์ในแผนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะมองโลกในแง่ดีมากเกินไป แต่ชัดเจนว่าเป็นข่าวดีที่ทั้ง 2 ผู้นำได้พบกัน”

แถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนยินดีต่อการประชุมสุดยอดระหว่าง 2 เกาหลี เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 เช่นเดียวกับการประกาศถึงแผนการณ์ที่จะพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ในอนาคตอันใกล้

ที่ประชุมยินดีกับผลการประชุมสุดยอดที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลีพัฒนาขึ้นซึ่งจะยังผลประโยชน์ที่ดีขึ้นให้ประชาชนเกาหลี

ที่ประชุมยังตื่นเต้นต่อการพัฒนาในเชิงบวกและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทำงานไปสู่การลดความตึงเครียดและปลดอาวุธนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้และไม่สามารถย้อนกลับได้ ซึ่งจะทำให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชื่นชม “การประชุมสุดยอดที่เป็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง” ระหว่างผู้นำของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ และเรียกร้องให้เปลี่ยนคำมั่นสัญญาเป็นการกระทำโดยเร็วที่สุด

แถลงการณ์ของยูเอ็นระบุว่า นายกูแตร์เรส สดุดีความกล้าหาญและความเป็นผู้นำที่ส่งผลให้เกิดพันธกรณีที่สำคัญและการกระทำที่เห็นพ้องกัน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำสิ่งที่เห็นพ้องกันไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลโดยเร็ว”

ด้านกระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่ถ้อยแถลงของไทยต่อการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561 ระบุว่า ไทยยินดีต่อการพบหารือระหว่างนายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) กับนายคิม จอง อึน ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) เมื่อวันที่
27 เมษายน 2561 ซึ่งเป็นการหารือระดับผู้นำของสองเกาหลีเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี การประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันอย่างต่อเนื่องและความพยายามของทุกฝ่าย โดยเฉพาะเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสันติ

ไทยหวังว่า ผลของการประชุมระดับผู้นำดังกล่าว และความพยายามที่จะดำเนินต่อไปโดยเฉพาะการประชุมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากับผู้นำเกาหลีเหนือ จะนำไปสู่การปราศจากอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีในที่สุด ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสันติภาพและเสถียรภาพรวมทั้งบรรยากาศของความร่วมมือกันในภูมิภาคเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของประชาชนเกาหลีและภูมิภาคโดยรวม ไทยพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image