สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจฝรั่งเศสเปิดเผยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมว่าสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงในวันแรงงานได้ 109 คน ในการประท้วงที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นการปรับจำนวนตัวเลขให้ถูกต้องจากการแถลงของนายเชราร์ โกลลงบ์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสที่แถลงไว้ก่อนหน้านี้ว่าจับกุมได้ 209 คน
วัยรุ่นที่แต่งกายด้วยเสื้อมีฮู้ดจำนวนมากได้เผาร้านแมคโดนัลด์แห่งหนึ่งและยานพาหนะหลายคันหลังจากเข้าร่วมการประท้วงวันแรงงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนำโดยกลุ่มสหภาพแรงงานเพื่อเรียกร้องสิทธิของแรงงานเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นายโกลลงบ์ที่แถลงตัวเลขผิดพลาดในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ให้สัญญาว่าจะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มากขึ้นเพื่อรับมือการชุมนุมประท้วงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหลังเผชิญข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลถูกกลุ่มที่ตั้งใจมาเพื่อก่อปัญหาโดยเฉพาะ 1,200 คนเล่นงานโดยไม่รู้ตัวมาก่อน
“สำหรับการประท้วงครั้งต่อ ๆ ไป จะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงมากกว่านี้ โดยมีความตั้งใจเพื่อแยกผู้ประท้วงออกจากผู้ที่ตั้งใจผสมโรงมาก่อเหตุทำลายข้าวของ” นายโกลลงบ์เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ฟรองซ์ 2
ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครงของฝรั่งเศสที่อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ประณามการก่อเหตุรุนแรงครั้งนี้ โดยกล่าวในการแถลงข่าวว่า “วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นวันแรงงาน ไม่ใช่เป็นวันของฮูลิแกน ผมคงทำได้เพียงแค่ประณามต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนักแน่นอีกครั้ง”
กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านทุนนิยมที่สวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำและใส่หน้ากากตะโกนว่า “ผงาดขึ้นปารีส” และ “ทุกคนเกลียดตำรวจ” พร้อมกับเดินขบวนและวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปตามท้องถนนในกรุงปารีส พวกเขาจุดไฟเผาร้านแมคโดนัลด์บริเวณใกล้สถานีรถไฟการ์ดูสแตร์ลิตซ์ทางตะวันออกของกรุงปารีสและเผายานพาหนะหลายคันที่ดีลเลอร์ขายรถยนต์แห่งหนึ่ง
ภาพการปล้นสะดมและทำลายข้าวของโดยกลุ่มต่อต้านทุนนิยมทอดเงาปกคลุมการเดินขบวนประท้วงวันแรงงานอย่างสงบสันติในกรุงปารีสที่มีผู้เข้าร่วมราว 20,000 – 55,000 คนจากการประเมินของตำรวจและสหภาพแรงงาน ขณะที่ทั่วประเทศ รัฐบาลประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมการเดินขบวนวันรงงานราว 143,000 คน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อปี 2560
สหภาพแรงงานและสหภาพนักศึกษาหลายแห่งพยายามเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสลุกขึ้นต่อต้านการปรับปรุงเอสเอ็นเอฟซี ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารการเดินรถไฟของรัฐที่แบกหนี้จำนวนมากและการเข้าถึงมหาวิทยาลัยของรัฐ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นการถอยหลังกลับของบริการสาธารณะที่รัฐบาลต้องอุ้มชู
ทั้งนี้ โพลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่า ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่สนับสนุนการปฏิรูปดังกล่าวแต่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายการคลังของนายมาครงที่ถูกมองว่าเป็นประโยชน์ต่อคนรวยมากกว่าชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน
