ผู้เขียน | ปิยมิตร ปัญญา [email protected] |
---|
แม้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จะเป็นคำกล่าวเก่าแก่ของจีน แต่ทางการอเมริกันก็มีธรรมเนียมปฏิบัติที่มีต่อเนื่องมายาวนานที่ว่า ทุกครั้งที่จะมีการเจรจาระหว่างประเทศซึ่งมีนัยสำคัญยิ่งยวด ทีมงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะจัดทำแฟ้มข้อมูลลับที่พรรณนาอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงผู้นำต่างชาติที่ประธานาธิบดีอเมริกันกำหนดจะพบปะพูดคุยด้วย สำหรับส่งมอบและบรรยายสรุปให้เป็น อาวุธ ในการเจรจาของประธานาธิบดี
เป็นแฟ้มข้อมูลลับที่ให้รายละเอียดการประเมินทั้งพฤติกรรมและแนวโน้มในทางการเมือง และในเชิงจิตวิทยาบุคคล พร้อมตัวอย่างพฤติกรรมไว้ครบถ้วน
ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวนี้ มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่รัฐบาลอเมริกัน พยายาม ทำความเข้าใจ ในตัว อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำนาซีเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
หลายครั้งที่ ผู้นำและผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐอเมริกา เห็นว่าข้อมูลในแฟ้มลับดังกล่าว เป็นประโยชน์ ธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้จึงดำเนินต่อกันเรื่อยมา ที่ผ่านมา มีคำสั่งจากฝ่ายบริหารให้บรรดาหน่วยข่าวและ ผู้เชี่ยวชาญ จัดทำแฟ้มลับที่เกี่ยวกับผู้นำหลายต่อหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำที่เป็นปรปักษ์ ตั้งแต่ ฟิเดล คาสโตร แห่งคิวบา เรื่อยไปจนถึง ซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก และ โมอามาร์ กาดาฟี ผู้นำลิเบีย เป็นอาทิ
จิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดี เคยเปิดเผยเอาไว้ในหนังสือ บันทึกความทรงจำชื่อ คีพพิง เฟธ เอาไว้ว่า การประมวลและประเมินบุคลิกลักษณะส่วนตัวใน เชิงลึก ของ เมนาเฮม เบกิน อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล และ อันวาร์ ซาดัต อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ มีส่วนช่วยอย่างมากและส่งผล มหาศาล ทำให้ตนสามารถไกล่เกลี่ยจนทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุความตกลงสันติภาพเมื่อปี 1978 ได้สำเร็จ
เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ตกปากรับคำที่จะพบเจรจากับ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือแบบตัวต่อตัว ที่ถือกันว่าเป็นการเจรจาระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด มีความหมายมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็นเรื่อยมา
บรรดาหน่วยข่าวและเจ้าหน้าที่แผนกวิเคราะห์ของทางการจึงต้องยุ่งขิงอยู่กับการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง ทุกประการ ทั้งภาพ เรื่องจากคำบอกเล่า และสิ่งที่เห็นกับตาเกี่ยวกับ คิม จอง อึน เพื่อประมวลขึ้นมาเป็นบุคลิกลักษณะส่วนตัวของผู้นำเกาหลีเหนือ สำหรับใช้ในการวิเคราะห์คาดการณ์ถึง พฤติกรรมและแนวโน้ม แนวความคิดและปฏิกิริยาที่ควรคาดหวังจากคิม
ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อทำให้ทรัมป์ได้เปรียบในการเจรจาต่อรองที่จะมีขึ้นไม่ในตอนปลายเดือนพฤษภาคมนี้ก็เป็นราวต้นเดือนมิถุนายนเป็นอย่างช้า
ซึ่งถือเป็นภารกิจระดับ หนักหนาสาหัส ไม่น้อย เมื่อคำนึงถึงว่า นอกกรุงเปียงยาง มีผู้รู้จักและพบปะกับ คิม จอง อึน น้อยมาก และข้อมูลข่าวกรองที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งของหน่วยข่าวกรองสำคัญอย่าง สำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ใช้ไม่ได้ จำเป็นต้องรื้อทิ้ง คัดสรรเฉพาะบางส่วนแบบยกเครื่องใหม่กันทั้งกระบิ
เพราะซีไอเอนี่เอง ที่ประเมินเอาไว้เมื่อครั้งที่ คิม จอง อึน รับตำแหน่งใหม่ๆ ว่า ลูกชายวัยละอ่อน ขาดประสบการณ์ของอดีตผู้นำรายนี้
คงอยู่ในตำแหน่งได้เพียงไม่ช้าไม่นานเท่านั้นเอง
ข้อมูลทั้งหมดที่เชื่อว่าสามารถช่วยให้ฝ่ายอเมริกัน ทำความเข้าใจ ต่อตัว คิม จอง อึน ได้มากขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ ข้อมูลเหล่านี้มีตั้งแต่คำบรรยายสรุปของเจ้าหน้าที่ในระดับต่างๆ และบุคคลที่เคยพบหน้า มีปฏิสัมพันธ์กับผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้ง อดีตนักบาสเกตบอล เอ็นบีเอ ชื่อดังอย่าง เดนนิส ร็อดแมน อเมริกันรายเดียวเท่านั้นเท่าที่รู้กันว่า เคยเข้าร่วมงานฉลองครบรอบวันเกิดของคิม จอง อึน มาแล้ว, บรรดาเพื่อนร่วมชั้นเรียนของ คิม จอง อึน ที่โรงเรียนประจำในสวิตเซอร์แลนด์ เรื่อยไปจนถึงบรรดานักการทูตเกาหลีใต้ ทั้งที่เคยพบและเคยทำหน้าที่ประจำอยู่ในสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเปียงยาง
ทั้งหมดจะถูกนำมาปรับปรุง เนื้อหาในแฟ้มลับ คิม จอง อึน ของทางการสหรัฐอเมริกา โดยตั้งความหวังว่าจะสามารถบ่งบอกถึงพฤติกรรมต่างๆ แรงจูงใจที่เป็นที่มาของพฤติกรรมนั้นๆ และบุคลิกภาพส่วนตัว ซึ่งส่งผลต่อการประเมิน และคาดการณ์แนวโน้มในการเจรจา
ความยุ่งยากประการสำคัญก็คือ สหรัฐอเมริกา มีข้อมูล โดยตรง เกี่ยวกับตัว คิม จอง อึน จำกัดมาก สาเหตุหลักมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า สหรัฐอเมริกาแทบไม่มี จารชน ประจำอยู่ในเกาหลีเหนือเลย และการทำจารกรรมผ่านโลกไซเบอร์ เพื่อเสาะหาข้อมูลล้ำค่าในเกาหลีเหนือ ก็ยากเย็นสุดขีดจนแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเกาหลีเหนือจำกัดการใช้อินเตอร์เน็ตจนเหลือ น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
นั่นคือเหตุผลสำคัญว่าทำไม การประเมินขีดความสามารถในตัว คิม จอง อึน ของซีไอเอ ถึงได้ผิดพลาดมากมายถึงขนาดนั้น และจำเป็นต้องลบการประเมินดังกล่าวทิ้งในเวลาต่อมา แล้วประเมินคุณลักษณะผู้นำของคิม เสียใหม่ จาก หุ่นเชิด และ ไร้ประสบการณ์ มาเป็นผู้นำที่ หลักแหลม เต็มไปด้วยเหลี่ยมคู และเด็ดขาดถึงระดับ ไร้ความปรานี ในเวลานี้
ด้วยเหตุนี้ บรรดานักวิเคราะห์ของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา ใช้เวลานานนับเป็นปีๆ ในการตรวจสอบ ทุกๆ อย่าง เท่าที่จะหาได้เกี่ยวกับประวัติครอบครัวของคิม, สุนทรพจน์ที่กล่าวทุกครั้ง, ภาพถ่าย และวิดีโอ ทั้งยังติดตามเสาะหา พูดคุยกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงและชาวเกาหลีเหนือทั่วไปที่แปรพักตร์ออกมาสู่โลกเสรี รวมทั้งใช้ แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ อย่างเช่น บันทึกความทรงจำของ เชฟ ซูชิ ชาวญี่ปุ่น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำงานให้กับครอบครัว ท่านผู้นำสูงสุด แห่งเกาหลีเหนือ
ไม่เว้นแม้กระทั่งรายละเอียดทุกอย่างเท่าที่สามารถหามาได้ เมื่อคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้และของจีน เดินทางไปเยือนกรุงเปียงยางอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้
ในเวลานี้ มีเจ้าหน้าที่อเมริกันจำนวนมากขลุกอยู่กับการวิเคราะห์และสังเคราะห์ภาพจำนวนมาก รวมถึงรายงานทั้งหมดเท่าที่มีออกมาเกี่ยวกับการพบหารือครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างคิม จอง อึน กับมุน แจ อิน สองผู้นำสองเกาหลี
ฝ่ายข่าวอเมริกัน ไม่ต้องการตกเป็นฝ่ายเซอร์ไพรส์อีกครั้ง หลังจากที่จังงังมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อคิม จอง อึน เปลี่ยนท่าทีกระทันหันจาก ขุนศึก ผู้กล้าแกร่งที่แสวงหาการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด และไม่ว่าจะต้องลงทุนราคาแพงระยับแค่ไหน
กลายมาเป็นนักการทูตผู้ใฝ่หาสันติภาพ อย่างฉับไวและเฉียบคม ในแทบจะชั่วข้ามคืน
ภายใต้การจำกัดของข้อมูลโดยตรง ดูเหมือนภาพลักษณ์ใหม่เอี่ยมของ คิม จอง อึน กำลังปรากฏชัดเจนมากขึ้นในฉันทามติของนักวิเคราะห์ในหน่วยข่าวทั้งหลายของทางการอเมริกัน เป็นภาพที่ในที่สุดก็สอดคล้องกับความคิดเห็นของ บรรดาผู้เชี่ยวชาญภายนอกแวดวงทางการ ที่มองว่า ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เป็น ผู้นำที่มีเหตุผล ไม่ใช่เป็นคนที่มีบุคลิกแบบ หัวสี่เหลี่ยม เหมือน หัวนอต อย่างที่ทรัมป์เคยทวีต
แน่นอน ปรารถนาประการหนึ่งของ คิม จองอึน คือการ ได้รับการยอมรับ ในฐานะผู้นำประเทศหนึ่งที่มีความเสมอภาคกับผู้นำในอีกหลายๆ ประเทศ แต่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่เชื่อว่า อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมทั้งหลายที่คิมแสดงออกมา คือ การอยู่รอด ของทั้ง ระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือในแบบที่เป็นอยู่และการคงอยู่ของ ตระกูลคิม ที่ในเกาหลีเหนือแทบไม่ต่างแต่อย่างใดกับ ราชวงศ์
คิม จอง อึน เด็ดขาดและเลือดเย็นมากพอที่จะ ประหารชีวิต บรรดาเครือญาติทั้งหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือมีความรู้สึก มั่นคง และ ปลอดภัย เพียงพอ ต่อการเล่นเกมต่อรองกับทรัมป์
ในส่วนของบุคลิกภาพ นักวิเคราะห์ของหน่วยข่าวอเมริกัน ประเมินใหม่ว่า คิม จอง อึน มีบุคลิกประเภท ผู้นำบารมี เปล่งประกายบารมีและอิทธิพลเหนือผู้อื่น ในรูปแบบเดียวกับ คิม อิล ซุง ผู้เป็นปู่ มากกว่าที่จะเป็นผู้นำที่เก็บเนื้อเก็บตัว อึดอัดต่อหน้ากล้อง เหมือนที่ คิม จอง อิล ผู้เป็นบิดาเคยเป็น
การส่งตัว คิม โย จอง ผู้เป็นน้องสาวเดินทางไปร่วมพิธีเปิดโอลิมปิกเกมส์ฤดูหนาวที่เมืองพยองชาง ในเกาหลีใต้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ดี การเปิดตัว รี ซอล จู ภริยาสาววัย 29 ปี ที่น้อยครั้งจะปรากฏตัวต่อสาธารณะในตอนที่คณะตัวแทนประธานาธิบดีเกาหลีใต้เดินทางไปเยือน ถูกตีความว่า เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามสร้างภาพความเป็น คนธรรมดาทั่วไป ของผู้นำเกาหลีเหนือในต่างแดน
รายละเอียดที่เผยแพร่ออกมาในภายหลัง สะท้อนให้เห็นความพยายามดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง
ชุง อึย ยอง หัวหน้าสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้ หนึ่งในคณะเล่าว่า ตนเป็นคนบอกให้ คิม จอง อึน ที่สูบบุหรี่จัด เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพ เล่นเอาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือที่อยู่ด้วยในเวลานั้น ถึงกับ ตัวแข็งด้วยความตกใจ
โชคดีของทุกคนที่ รี ซอล จู ช่วยแก้สถานการณ์ให้ทุกคนได้ด้วยการกล่าวแทรกขึ้นว่า ตนบอกอย่างนี้หลายครั้งแล้ว คิม ไม่เคยฟังสักที ที่เรียกรอยยิ้มจากทุกคนได้สำเร็จ
ความยุ่งยากในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ คิม จอง อึน สะท้อนออกมาให้เห็นชัดเจนจากปากของ แดน โคตส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เคยบอกเอาไว้เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า การประมวลข่าวและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้นำเกาหลีเหนือผู้นี้
เป็นหนึ่งในงานประมวลข่าวที่ยากเย็นที่สุดเท่าที่เคยทำกันมา
แต่ความยากลำบากของทีมงานยังไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรวบรวม ประเมินและวิเคราะห์ข้อมูลเท่านั้น ส่วนที่ยากที่สุดอีกส่วนหนึ่งของเรื่องนี้ ยังเป็นเรื่องของวิธีการ บรรยายสรุป ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกด้วย
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า มีความอดทน จำกัด มากกับการบรรยายสรุปที่มีรายละเอียดเยอะๆ และเอกสารที่มีความยาวมากๆ ทำให้ถึงตอนนี้ทีมเจ้าหน้าที่ยังไม่แน่ใจนักว่า จะใช้รูปแบบใดในการบรรยายสรุปกรณีคิมต่อทรัมป์ และทำอย่างไรถึงจะโน้มน้าวไม่ให้ทรัมป์อาศัยเพียงแค่ สัญชาตญาณส่วนตัว ในการแสดงออกระหว่างการต่อรองกับผู้นำเกาหลีเหนือ เหมือนที่ทรัมป์เคยทำทุกครั้งในการหารือกับผู้นำประเทศอื่นๆ ทั้งหลาย
คาดกันว่า ทีมงานคงต้องใช้ทั้ง คลิปวิดีโอ ภาพถ่ายและภาพวาด เพื่อทำให้การบรรยายสรุปหนนี้สั้นที่สุด กระชับที่สุดและเห็นภาพชัดเจนที่สุดสำหรับทรัมป์
เหมือนที่เคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อต้องใช้ โมเดลจำลอง แสดงจุดทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือทั้งหลายในการบรรยายสรุปให้ทรัมป์ฟัง
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า หากต้องการ คิม จอง อึน สามารถล่วงรู้ลึกซึ้งถึงความคิดความอ่านของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ไม่ยากนัก
อย่างน้อยที่สุดในมือของเขาก็มี ดิ อาร์ท ออฟ เดอะ ดีล หนังสือเล่มหนาที่โดนัลด์ ทรัมป์เขียนถึงศิลปะการทำความตกลงทางธุรกิจเอาไว้ อยู่แน่ๆ แล้ว หนึ่งเล่ม
เป็นสิ่งที่ เดนนิส ร็อดแมน ระบุไว้ชัดเจนว่า เขามอบให้เป็น ของขวัญวันเกิด แด่ คิม จอง อึน เมื่อวันเกิดปีที่ผ่านมานี่เอง