| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | มนต์ทิพย์ ธานะสุข |
| เผยแพร่ |
เป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสายรักสุขภาพ เพราะตอนนี้กฎระเบียบที่กำหนดให้ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศสหรัฐ จะต้องโชว์ป้ายแสดงข้อมูลแคลอรี หรือปริมาณพลังงานของสินค้าอาหารที่นำมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนผู้บริโภคเพื่อจะได้ไว้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อรับประทาน ได้มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อจันทร์ที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา
มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบัญญัติประกันสุขภาพเข้าถึงได้ปีค.ศ.2010 ที่เรียกกันติดปากว่า “โอบามาแคร์” ผลผลิตด้านนโยบายสมัยรัฐบาล “บารัค โอบามา”
ตามข่าวบอกว่ามาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้กับภัตตาคาร ร้านอาหาร ร้านขายของต่างๆ ที่มีร้านสาขาที่ขายอาหารพร้อมรับประทานจำนวน 20 แห่งหรือมากกว่าขึ้นไป และยังมีผลใช้กับตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ที่มีอยู่ทั่วประเทศราวถึง 5-6 ล้านตู้ ที่จะต้องติดป้ายฉลากสินค้าแสดงปริมาณแคลอรีของอาหารกำกับไว้ให้เห็นชัดเจนด้วย
มาตรการนี้เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะแก้ปัญหาโรคอ้วนรอบเอวเกินของชาวอเมริกัน ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่น่าห่วงวิตก เนื่องจากสหรัฐมีสัดส่วนชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วนอยู่มากถึงเกือบ 37 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ อ้างอิงจากข้อมูลของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค(ซีดีซี)ของสหรัฐ อีกทั้งยังเป็นความพยายามที่จะลดการนำเงินงบประมาณด้านสาธารณสุขไปอุ้มเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ เนื่องจากโรคอ้วนก่อให้เกิดโรคร้ายอื่นๆตามมา อาทิ โรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน เบาหวาน และ มะเร็งนั้น ยังเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ หากมีการดูแลเรื่องอาหารการกินและสุขภาพกันให้ดี โดยที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐได้ใช้งบประมาณด้านสาธารณสุขไปในแต่ละปีมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
จากรายงานยังระบุว่าชาวอเมริกันบริโภคแคลอรีเข้าสู่ร่างกาย 1 ใน 3 จากการรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งผู้สนับสนุนมาตรการนี้บอกว่าการให้ข้อมูลโภชนาการแก่ผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ดีและต้องทำ เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบในการเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายให้แก่ตัวเอง
มาร์โก วูแทน รองประธานศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ(ซีเอสพีไอ) เป็นหนึ่งในนั้นที่บอกว่า การติดฉลากเมนูเป็นวิธีการง่ายๆที่จะทำให้เราสามารถลดปริมาณแคลอรีเข้าสู่ร่างกายได้ถึงหลายร้อยแคลอรีหรือมากกว่านั้นในการกินแต่ละมื้อ
ผลการศึกษาราว 30 กรณีที่จัดทำโดย คอคแรน คอลเลบอเรชัน ยังเป็นข้อมูลสนับสนุนความเห็นข้างต้นของรองประธานซีเอสพีไอ ที่ศึกษาพบว่าการติดฉลากเมนูช่วยให้ผู้คนสามารถลดปริมาณแคลอรีในการกินอาหารแต่ละมื้อได้ราว 50 แคลอรี และการติดฉลากเมนูหรือป้ายอาหารบอกปริมาณแคลอรี ยังช่วยกระตุ้นให้ร้านอาหารลดปริมาณแคลอรีในรายการอาหารของทางร้านลงด้วย
ผู้ประกอบการที่น่ารักรายใหญ่หลายเจ้าก็ให้ความร่วมมือดี โดยนำไปปฏิบัติตั้งแต่ก่อนหน้าที่มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ยังมีผู้ประกอบที่ไม่น่ารัก ที่คัดค้านกฎ”ติดฉลากบอกแคลอรี” เพราะกลัวจะกระทบต่อธุรกิจของตนเอง!
