สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ากองทัพอิสราเอลโปรยใบปลิวคำเตือน พร้อมกับยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมชาวปาเลสไตน์บริเวณฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ถอยห่างออกจากชายแดน หลังจากมีชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งรวมตัวกันบริเวณชายแดนฉนวนกาซากับอิสราเอลในการประท้วงที่มีมานานถึง 6 สัปดาห์ และทวีความรุนแรงมากขึ้นในวันเดียวกันนี้ เนื่องจากเป็นวันครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งอิสราเอล และยังเป็นวันที่สหรัฐอเมริกาทำพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐที่จากเทลอาวีฟ ไปอยู่ที่กรุงเยรูซาเลมแทน
ข่าวระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ที่ชุมนุมประท้วงได้พากันจุดไฟเผายางรถยนต์จำนวนมาก และมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลได้ยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ขา 1 ราย โดยการประท้วงที่ใช้ชื่อว่า “เกรท มาร์ช ออฟ รีเทิร์น” จะถึงจุดสูงสุดในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ชาวปาเลสไตน์รำลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนถูกขับไล่ออกจากดินแดนบ้านเกิด เมื่อปี ค.ศ.1948
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหรัฐอเมริกาทำพิธีย้ายสถานทูตสหรัฐประจำอิสราเอล จากเทลอาวีฟ ไปยังกรุงเยรูซาเลม เมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากทั่วโลกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐครั้งนี้สร้างความไม่พอใจของชาวปาเลสไตน์ โดยมีตัวแทนจากทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลร่วมในพิธีเปิดสถานทูตแห่งใหม่ของสหรัฐ
