หลังการหายสาบสูญไปนานกว่า 4 ปี ของเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน เอ็มเอช370 ที่บินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปยังกรุงปักกิ่ง ของจีน แต่เครื่องบินกลับหายไประหว่างทาง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.2014 พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องรวม 239 คน ขณะที่การค้นหายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการหายไปของเครื่องบินทั้งลำ ยังคงมีทฤษฎีต่างๆปรากฏออกมามากมาย
ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน 5 คน ได้ออกรายการ “60 มินิทส์ ออสเตรเลีย” ที่ออกอากาศไปเมื่อคืนวันที่ 13 พฤษภาคม มีการพูดคุยเกี่ยวกับปริศนาการหายไปของเครื่องบินเอ็มเอช370 และต่างเชื่อว่า การหายไปของเอ็มเอช370 เป็นการวางแผนของกัปตันเครื่องบินที่ต้องการใช้เครื่องบินเป็นเครื่องมือในการฆ่าตัวตาย
นายมาร์ติน โดแลน หนึ่งหนึ่งแกนนำของปฏิบัติการค้นหาเอ็มเอช370 กล่าวว่า “นี่เป็นการวางแผนไว้ก่อน มีการไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ”
โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้อ้างถึงนาย “ซาฮารี อาหมัด ชาห์” กัปตันของเครื่องบินเอ็มเอช370 ซึ่งนายไซมอน ฮาร์ดี นักบินอาวุโสของโบอิ้ง777 และครูผู้ฝึกสอนด้านการบิน กล่าวว่า เครื่องบินได้ถูกใช้ไปในปฏิบัติการฆ่าตัวตายของกัปตัน ซึ่งเส้นทางการบินของเครื่องบินก่อนหายไปนั้น เบื้องต้นดูเหมือนจะเป็นการสุ่ม แต่ฮาร์ดีเชื่อว่า กัปตันได้ขับเครื่องบินวกกลับไปยังปีนัง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อเป็นการบอกลา และได้เห็นบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้าย
ฮาร์ดีกล่าวว่า กัปตันตั้งใจที่จะนำเครื่องบินบินไปตามชายแดนระหว่างประเทศมาเลเซียและไทย เพื่อไม่ให้ถูกตรวจจับได้ทั้งจากเรดาร์ทหารของฝั่งมาเลเซียหรือฝั่งไทย โดยบินข้ามไปมาระหว่างน่านฟ้าสองประเทศเพื่อหลบซ่อนเครื่องบินจากการถูกตรวจจับ ก่อนจะนำเครื่องบินดิ่งลงตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ที่ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถหาเครื่องบินเจอได้
ด้านนายลาร์รี แวนซ์ อดีตเจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุธของคณะกรรมการขนส่งการบินของแคนาดา ก็เชื่อมั่นว่า กัปตันของเอ็มเอช370 ต้องการที่จะฆ่าตัวตาย และขับเครื่องบินให้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทำให้เครื่องบินหายสาบสูญไป แต่โชคร้ายที่คนบนเครื่องทั้งหมดต้องตายไปด้วย และเชื่อว่า กัปตันได้วางแผนมาเป็นอย่างดี และได้ขับเครื่องบินไปนาน 6 ชั่วโมงเพื่อไปยังจุดหมายที่ต้องการจะฆ่าตัวตาย โดยแวนซ์เชื่อว่า ซากเครื่องบินจมอยู่ก้นมหาสมุทร
