สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกาหลีเหนือเปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมว่า ยังคงยินดีที่จะเจรจาหารือกับสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการประชุมสุดยอดระหว่างทั้ง 2 ประเทศอย่างปัจจุบันทันด่วน นับเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลให้คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ในความไม่แน่นอนอีกครั้ง
โดยวันก่อนหน้า นายทรัมป์ประกาศล้มเลิกแผนการที่จะพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และตำหนิว่าเป็นเพราะ “ความเป็นปฏิปักษ์อย่างเปิดเผย” จากระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ พร้อมกับเตือนรัฐบาลเกาหลีเหนือว่าไม่ให้แสดงออกถึง “การกระทำใดๆ ก็ตามที่โง่เขลาหรือสะเพร่า”
ในจดหมายส่วนตัวที่ส่งถึงนายคิม นายทรัมป์ประกาศว่าจะไม่เดินหน้าต่อในเรื่องการประชุมสุดยอดในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ที่สิงคโปร์ หลังเหตุการณ์ที่ทำเนียบขาวระบุว่าเป็น “ร่องรอยของการผิดสัญญา” ของเกาหลีเหนือ
ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างทันท่วงทีของรัฐบาลเกาหลีเหนือต่อการกลับลำอย่างกะทันหันของนายทรัมป์นั้นออกมาอย่างประณีประนอม โดยนายคิม คเย กวาน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศหมายเลข 1 ของเกาหลีเหนือระบุว่าการตัดสินใจของนายทรัมป์เป็นเรื่องที่ “ไม่ได้คาดคิดมาก่อน” และ “น่าเสียดาย” แต่ยังเปิดประตูสำหรับการเจรจาทางการทูตต่อไป
นายคิม คเย กวาน กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ว่า “เราขอแจ้งต่อสหรัฐอีกครั้งถึงความตั้งใจที่จะนั่งเจรจาพบปะกันโดยตรงทุกเวลาและทุกรูปแบบเพื่อแก้ปัญหา”
ก่อนหน้าที่นายทรัมป์จะประกาศยกเลิกการเจรจา เกาหลีเหนือประกาศว่าได้ทำลายสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ “เสร็จสมบูรณ์แล้ว” ในการกระทำที่ได้รับการออกแบบมาอย่างระมัดระวังเพื่อแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่เป็นมิตรก่อนหน้าการประชุมสุดยอด
แต่โอกาสประสบความสำเร็จของการเจรจาแบบเผชิญหน้ากันโดยตรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตกอยู่ภายใต้ข้อกังขาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งคำประกาศของนายทรัมป์มีขึ้น 1 วันหลังจากเกาหลีเหนือแสดงวาทกรรมที่แข็งกร้าวมากขึ้น โดยระบุว่าการแสดงความคิดเห็นของนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ “ขาดความรู้และโง่เง่า”
ข้อความในจดหมายที่นายทรัมป์ส่งถึงนายคิม ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเปิดเผยว่าประธานาธิบดีสหรัฐเขียนขึ้นด้วยตนเองทั้งหมดระบุว่า “น่าเศร้าที่เมื่อดูจากแถลงการณ์ล่าสุดของพวกคุณแล้ว ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในเวลานี้ที่จะมีการประชุมหารือที่วางแผนมานานครั้งนี้”
การตัดสินใจนี้สร้างความมืดบอดให้กับเกาหลีใต้ที่จนถึงตอนนี้เป็นตัวกลางในการผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยนายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้ “น่าตกตะลึงและน่าเสียดายมาก” ในขณะที่เรียกประชุมด่วนทีมงานด้านความมั่นคง
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่านายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้โทรศัพท์คุยกับนายคัง คยอง วา รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้พร้อมระบุว่าทั้ง 2 ชาติควรจะเดินหน้าความพยายามในการ “สร้างปัจจัยแวดล้อม” สำหรับการเจรจากับเกาหลีเหนือ
ด้านนายโช มยอง กยอน รัฐมนตรีรวมชาติเกาหลีใต้ ระบุว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะเดินหน้าเจรจากับรัฐบาลเกาหลีเหนือซึ่งเขาระบุว่า “ยังคงจริงใจในการทำให้ข้อตกลงบรรลุผลสำเร็จและพยายามในเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์และสร้างสันติภาพ”
