ผลวิจัยที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร ”เนเจอร์” เผยข้อมูลที่น่าตกตะลึงว่า นับตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน น้ำแข็งในขั้วโลกใต้ละลายไปแล้วถึงกว่า 3 ล้านล้านตัน ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น อันเป็นผลสืบเนื่องจากภาวะโลกร้อน และอาจจะทำให้ชายฝั่งทะเลทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
2 ใน 3 ของปริมาณน้ำแข็งขั้วโลกที่ละลายหายไปนี้ เพิ่งจะละลายหายไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเร็วกว่าปกติถึง 3 เท่าตัว ผลการศึกษาดังกล่าวน่าจะช่วยให้ผู้คนยุติการตั้งคำถามและข้อสงสัยถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่มีต่อธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการดำรงชีวิตของมนุษย์ในท้ายที่สุด
ผลการศึกษาที่ถูกเผยแพร่ครั้งนี้มาจากภาพถ่ายดาวเทียมจากฐานสำรวจ 24 จุด โดยมีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษ จนทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนและครอบคลุม ข้อเท็จจริงที่ปรากฏนี้ยังแสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามที่มีอยู่จริงกับเมืองและชุมชนริมฝั่งทะเลที่มีผู้คนอาศัยอยู่หลายล้านคนทั่วโลกด้วย
ขั้วโลกใต้มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็น 2 เท่าของทวีปอเมริกา ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งหนาซึ่งสามารถทำให้ระดับน้ำทะเลในโลกเพิ่มขึ้นได้ถึงเกือบ 60 เมตร โดยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำแข็งอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของขั้วโลกใต้ ซึ่งน้ำแข็งส่วนใหญ่ยังคงมั่นคง ขณะที่น้ำแข็งทางฝั่งตะวันตกของขั้วโลกใต้มีความเปราะบางต่อภาวะโลกร้อนมากกว่า
