เที่ยวฟรีตลอดทริป! ‘Happy Journey with BEM’ จัดทริป ‘สถานีวัดมังกร’ชวนเที่ยว แวะ แชะ ชิม ย่านเยาวราชกันแบบฟรี! รับสมัครแล้ววันนี้ ถึง 16 มี.ค. นี้

เมื่อการท่องเที่ยวช่วยเติมเต็มความสุข การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จึงผนึกกำลังจัดโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ 

กระตุ้นการท่องเที่ยว จัดเต็มความสุขให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ด้วย 5 ทริป สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ฟรี! ตลอดปี 2565 ชวน ‘เที่ยว-แวะ-แชะ-ชิม’ เปิดมุมมองใหม่ สัมผัสประสบการณ์ประทับใจกับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ตามเส้นทางรถไฟฟ้า 5 สถานี ได้แก่ สถานีวัดมังกร สนามไชย สามย่าน หัวลำโพง และอิสรภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น 

ประเดิมโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ ด้วยทริปแรกสถานีวัดมังกร ‘ตะลุยไชน่าทาวน์เมืองไทย ท่องเที่ยวถนนสายมังกร’ วันที่ 23 มีนาคมนี้ เวลา 07.30-14.00 น. เปลี่ยนการเที่ยวเยาวราชให้มีเรื่องราวที่น่าจดจำและมีความรู้มากขึ้น ด้วยการพาทุกคนไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับฟังประวัติศาสตร์พร้อมชมความงามของ 3 สถานที่สำคัญในย่านเยาวราชได้แก่ 

วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) ที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศมักมาขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล และสะเดาะเคราะห์สำหรับผู้ที่เกิดปีชง 

Advertisement

วัดกันมาตุยาราม วัดไทยที่ตั้งอยู่กลางชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 

ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ที่ได้รับการสันนิษฐานว่า น่าจะมีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย 

ปิดท้ายด้วย จกโต๊ะเดียว ร้านเด็ดระดับตำนานแห่งย่านเยาวราช ที่จะพาทุกคนไปลิ้มลองรสชาติความอร่อยของร้านอาหารระดับมิชลิน ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องได้ชิมก่อนตาย! 

Advertisement

เข้าสู่แดนมังกร ต้องเริ่มต้นที่ ‘สถานีวัดมังกร’

หลายคนอาจรู้จักและคุ้นเคยกับการเที่ยวเยาวราช ในฐานะแหล่งอาหารสตรีทฟู้ดเลิศรส ศูนย์รวมความเชื่อและวัดจีนที่ผู้คนเชื้อสายจีนต่างไปสักการะ แต่ในครั้งนี้ลองเปลี่ยนมาเที่ยวในย่านเดิมๆ อย่างเยาวราช ในมุมมองใหม่ด้วยการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เพราะประวัติศาสตร์จะทำให้เรารู้เรื่องราวที่น่าสนุกเพิ่มอรรถรสการท่องเที่ยวให้สนุกกว่าเคย

เริ่มต้นการเดินทางในครั้งนี้ด้วยการชมความงามของ ‘สถานีวัดมังกร’ สถานี MRT ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของชาวไทยเชื้อสายจีน แนวถนนเจริญกรุง บริเวณสี่แยกแปลงนาม ใกล้กับวัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเน่ยยี่ ถือเป็นย่านที่มีวิถีชุมชนเป็นเอกลักษณ์และเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์เชื้อสายจีน จนถูกขนานนามว่าไชน่าทาวน์

ความพิเศษของสถานีวัดมังกร เริ่มตั้งแต่สถาปัตยกรรมภายในที่ตกแต่งแบบจีน โปรตุเกส หรือชิโนโปรตุกีส เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ที่เป็นย่านชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน และได้นำเอาแนวคิดและรูปแบบการตกแต่งและบรรยากาศมาจากวัดมังกรกมลาวาส จึงมีการใช้ภาพประดับต่างๆ ในสถานี อาทิ ภาพของมังกรที่เป็นสัตว์เทพเจ้า เป็นสัญลักษณ์การนำมาซึ่งความสุข และ ดอกบัว ดอกไม้มงคลที่สื่อถึงความบริสุทธิ์ มาเป็นองค์ประกอบสำคัญภายใน 

บริเวณด้านบนเพดานบริเวณทางลงสู่ตัวสถานี ออกแบบให้เหมือนท้องของมังกร โดยให้ประตูทางเข้าสถานีเป็นส่วนกลาง และหัวของมังกรอยู่ภายในสถานี มีการใช้สีแดงและสีทองเป็นหลักในการตกแต่งภายในสถานี

ก่อนเดินทางไปยังแดนมังกร ณ เยาวราช ทุกท่านจะได้ร่วมรับฟังสเปเชียล ทอล์ก ‘ไชน่าทาวน์เมืองไทย ท่องเที่ยวสไตล์จีนบนถนนมังกร’ โดย สมชัย กวางทองพานิชย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จีน และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ที่รู้จักทุกกระเบียดนิ้วของเยาวราชเป็นอย่างดี และ พชร เกรียงเกร็ด อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ก่อตั้งเพจแบกกล้องเที่ยว ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.94 ล้านฟอลโลเวอร์ ที่จะมาร่วมบอกเล่าเรื่องราวน่ารู้และความมีชีวิตชีวาของไชน่าทาวน์เมืองไทย 

วัน สต็อป เซอร์วิส ขอพร แก้ชง ที่ ‘วัดมังกรกมลาวาส’

พาไปจุดธูปไหว้พระขอพร แก้ปีชง ไหว้ยังไงให้ปังตลอดปี คราวนี้เราจะได้รู้กัน เพราะจุดหมายปลายทางต่อไปที่อยู่ห่างจากสถานีวัดมังกรเพียงไม่กี่ก้าว นั่นคือ ‘วัดมังกรกมลาวาส’ หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ ที่คุ้นเคยในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนจากต่างประเทศ 

วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้าย ร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีน ดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2414 ใช้ระยะเวลาในการสร้างทั้งสิ้น 8 ปี เมื่อสร้างเสร็จจึงได้อาราธนาพระอาจารย์สกเห็ง มาเป็นเจ้าอาวาส และเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระอาจารย์จีนวังสสมาธิวัตร เจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปแรกของประเทศไทย

ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธานของวัด อย่าง พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ พระไภษัชยคุรุพุทธะ ทั้งหมด 3 องค์ หรือ ‘ซำป้อฮุกโจ้ว’ พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ หรือที่เรียกว่า ‘จับโป๊ยหล่อหั่ง’ 

ด้านหน้ามีวิหารจตุโลกบาลทั้ง 4 มีเทวรูปเทพเจ้า 4 องค์ (ข้างละ 2 องค์) ในชุดนักรบจีนถืออาวุธและสิ่งของต่างๆ กัน เช่น พิณ ดาบ ร่ม เจดีย์ ชาวจีนเรียกว่า ‘ซี้ไต๋เทียงอ้วง’ หมายถึงเทพเจ้าที่ปกปักรักษาคุ้มครองทิศต่างๆ ทั้ง 4 ทิศ 

ด้านหลังเป็นวิหารบูรพาจารย์ ส่วนด้านซ้ายขวาก็มีวิหารอื่นๆ อีก ทางด้านขวาของพระรอุโบสถ มีเทพเจ้าต่างๆ หลายองค์ เช่น เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หรือ ‘ไท้ส่วยเอี๊ย’ เทพเจ้าแห่งยาหรือหมอเทวดา ‘หั่วท้อเซียงซือ’ และที่นิยมไหว้ขอพรมากที่สุดคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ‘ไฉ่ซิงเอี๊ย’ เทพเจ้าเฮ่งเจีย หรือ ‘ไต่เสี่ยฮุกโจ้ว’ พระเมตไตรยโพธิสัตว์หรือ ‘ปู๊กุ่ยฮุกโจ้ว’ ซึ่งคล้ายกับพระมหากัจจายนะ ‘กวนอิมผู่สัก’ (หรือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์) ‘แป๊ะกง’ และ ‘แป๊ะม่า’ รวมเทพเจ้าในวัด จะมีทั้งหมด 58 องค์

ปัจจุบัน วัดมังกรกมลาวาส กลายเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนย่านเยาวราช และผู้คนเชื้อสายจีนทั่วประเทศ เป็นสถานที่แก้ปีชง รวมถึงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพรรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ความสำเร็จ ครอบครัว ความรัก สุขภาพ หรือความสุข และ ​​เป็นแหล่งจัดงานในเทศกาลต่างๆ อาทิ ตรุษจีน เทศกาลกินเจ เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นวัน สต็อป เซอร์วิส ตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีนได้เลยทีเดียว

วัดกันมาตุยาราม เพชรเม็ดงามในแดนมังกร

ปัดเป่าสิ่งไม่ดีเสริมสิริมงคลที่วัดจีนเสร็จแล้ว ก็ต้องเสริมบุญกันต่อที่วัดไทยท่ามกลางชุมชนจีน ที่เยื้องย่างออกจากวัดมังกรกมลาวาสไม่ไกลนัก ในซอยตรอกเต๋า มีวัดราษฎร์ขนาดเล็ก สังกัดธรรมยุตินิกาย อยู่วัดหนึ่ง ชื่อว่า วัดกันมาตุยาราม 

จากวัดที่เคยเป็นเพียงทางผ่านสำหรับนักท่องเที่ยว แต่รู้หรือไม่ว่าวัดแห่งนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเพราะนับเป็นอีกหนึ่งในวัดไทยเก่าแก่ย่านเยาวราช สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2407 ตรงกับปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดย นางกลีบ สาครวาสี บุตรสาวของยายแฟง เจ้าของโรงโสเภณีที่ย่านสำเพ็ง และเป็นผู้สร้างวัดคณิกาผล ถนนพลับพลาไชย และนางกลีบได้อุทิศสวนดอกไม้สร้างเป็นวัดขึ้น ต่อมาบุตรของนางกลีบ คือ พระดรุณรักษา (กัน สาครวาสี) ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อสร้างวัดเสร็จแล้ว นางกลีบจึงได้น้อมเกล้าฯ ถวายแด่รัชกาลที่ 4 

พระองค์ได้พระราชทานนามวัดว่า วัดกันมาตุยาราม อันหมายถึง “วัดที่มารดาของนายกันเป็นผู้สร้าง” นับเป็นอุโบสถที่งดงามแห่งหนึ่ง มีจุดเด่นอยู่ที่เจดีย์ด้านหลังอุโบสถ เป็นแบบลังกาทรงกลม องค์ระฆังสองชั้น รูปทรงคว่ำ   สร้างเลียนแบบธัมเมกขสถูปในประเทศอินเดีย ภายในบรรจุพระพุทธรูป โดยในประเทศไทยมีเจดีย์ลักษณะเช่นนี้เพียง 2 แห่งเท่านั้น คือที่นี่และวัดโสมนัสราชวรวิหาร 

นอกจากนี้ วัดนี้ยังเคยเป็นที่จำพรรษาของ สุชีโวภิกขุ หรือ อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาคนหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย

ผู้เข้าร่วมทริปจะได้รับฟังบรรยายประวัติความเป็นมาของวัด และเรื่องเจดีย์ระฆังคว่ำแห่งที่ 2 ของประเทศไทย รวมถึงฟังเรื่องราวพระพุทธรูป ภาพจิตรกรรมฝาผนัง จากผู้ทรงความรู้ ที่จะเปลี่ยนชั่วโมงเรียนประวัติศาสตร์ ให้กลายเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าติดตาม

หยุดพัก ดื่มด่ำประวัติศาสตร์และน้ำชาที่ร้านซงเต๋อ 

เดินมาเหนื่อยๆ หยุดพักกันสักครู่ แวะพักดื่มน้ำที่ร้านซงเต๋อ (ZONG TER) คาเฟ่สไตล์จีนร่วมสมัย ที่ทายาทรุ่นลูกหลานของทางร้าน คุณศิฑและครอบครัว ตัดสินใจปรับปรุงบ้านเก่าสมัยอากงอาม่าของตระกูล ‘ซงเต๋อ’ ที่เปลี่ยนธุรกิจร้านยี่ปั๊ว โชห่วย และขายกานาฉ่ายสูตรลับเฉพาะมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ให้กลายเป็นคาเฟ่ร้านน้ำชา ที่สามารถเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัย ดึงดูดสายตากลางย่านตลาดเก่าเยาวราช ภายใต้คอนเซ็ปต์ “คัดเอาแต่ของที่ดีมาทำขาย” และทำให้ที่นี่เป็นพื้นที่แห่งความสุขของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา 

สื่อสารกับมังกรผ่านศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ 

เดินลัดเลาะออกมาอีกนิด เพื่อเสพเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของเยาวราชกันให้มากขึ้น ที่ ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ศาลเจ้าที่ได้รับการสันนิษฐานว่า น่าจะมีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย โดยมีอายุราว 362 ปี เทพเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ถือเป็นปรมาจารย์ในเรื่องของฮวงจุ้ยและการทำนายทายทัก ผู้คนจึงมักขอพรให้มั่งคั่งร่ำรวย ค้าขายเจริญก้าวหน้า โชคดีและปลอดภัย 

จุดเด่นของการไหว้ศาลเจ้าแห่งนี้ อยู่ที่การเขียนชื่อตนเองลงบนผ้าแดง แล้วนำไปผูกไว้กับขาโต๊ะที่วางกระถางธูปเพื่อเป็นการขอพร เพราะเชื่อว่าโต๊ะนี้คือโต๊ะมังกรที่สามารถสื่อสารไปถึงเทพเจ้าได้นั่นเอง 

ไม่ต้องจองคิวเป็นเดือน ก็ได้กิน ‘จกโต๊ะเดียว’

ปิดท้ายทริป ‘ตะลุยไชน่าทาวน์เมืองไทย ท่องเที่ยวถนนสายมังกร’ ด้วยการพาไปกินหนึ่งในร้านที่จองคิวยากที่สุดในประเทศไทย ที่เหล่านักชิมทั่วโลกใช้เวลาจองร่วมหลายเดือน ‘จกโต๊ะเดียว’ ร้านอาหารเล็กๆ ระดับตำนาน ที่มีเพียงไม่กี่โต๊ะ เสิร์ฟอาหารไทย-จีน เปลี่ยนเมนูไปตามของทะเลและวัตถุดิบสดๆ ประจำวันตามใจเชฟ 

แต่ละจานปรุงด้วยเทคนิคเรียบง่าย แต่ต้องอาศัยฝีมือขั้นสูง ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบจนถึงการคุมไฟ มีเมนูที่แนะนำเป็นพิเศษ ได้แก่ เกี๊ยวกุ้ง ปลาหิมะทอดซีอิ๊ว และคะน้าปลาเค็ม การันตีความอร่อยระดับเวิลด์คลาส ที่ถูกบันทึกในนิตยสาร Newsweek ติดนิตยสาร 101 ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ต้องกินสักครั้งก่อนตาย!’

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ‘Happy Journey with BEM’ ในทริป ‘ตะลุยไชน่าทาวน์เมืองไทย ท่องเที่ยวถนนสายมังกร’ เปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมกิจกรรม ฟรี! วันนี้ถึง 16 มีนาคม เพียงเข้าไปที่เฟซบุ๊ก MRT Bangkok Metro 

  • ถ่ายรูปคู่กับบัตรโดยสาร MRT หรือ MRT Plus 
  • บอกเล่าความประทับใจในการใช้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินหรือสายสีม่วง และคอมเมนต์ใต้โพสต์กิจกรรม  

แอดมินเพจ MRT Bangkok Metro จะทำการเลือกเหตุผลโดนใจมากที่สุด จำนวน 30 คน เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม สถานีวัดมังกร ‘ตะลุยไชน่าทาวน์เมืองไทย ท่องเที่ยวถนนสายมังกร’  

(หมายเหตุ: ผู้เข้าร่วมกิจกรรมโปรดศึกษารายละเอียดเงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมดก่อนร่วมสนุก)    

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image